สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 ธ.ค. 2565
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 ธ.ค. 2565
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันพุธ (7 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,597.92 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด หรือ +0.005%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,933.92 จุด ลดลง 7.34 จุด หรือ -0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,958.55 จุด ลดลง 56.34 จุด หรือ -0.51%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (7 ธ.ค.) เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ได้ช่วยพยุงตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 436.20 จุด ลดลง 2.72 จุด หรือ -0.62%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,660.59 จุด ลดลง 27.20 จุด หรือ -0.41%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,261.19 จุด ลดลง 82.00 จุด หรือ -0.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,489.19 จุด ลดลง 32.20 จุด หรือ -0.43%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (7 ธ.ค.) ลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจท่ามกลางความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น (GSK) พุ่งขึ้นสวนทางตลาด ขานรับข่าวการยกฟ้องคดีในสหรัฐเกี่ยวกับยาแซนแท็ก (Zantac) ซึ่งเป็นยารักษาอาการเสียดท้องของบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,489.19 จุด ลดลง 32.20 จุด หรือ -0.43% ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (7 ธ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์เชื้อเพลิงในสหรัฐ หลังจากตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.24 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 72.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2564
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2.18 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 77.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2564
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (7 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 15.6 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 1,798 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 58.7 เซนต์ หรือ 2.63% ปิดที่ 22.922 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 16.1 ดอลลาร์ หรือ 1.62% ปิดที่ 1,011.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,854.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.45% แตะที่ระดับ 105.1000
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 136.32 เยน จากระดับ 136.90 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9396 ฟรังก์ จากระดับ 0.9419 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3648 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3657 ดอลลาร์แคนาดา และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.3599 โครนา จากระดับ 10.4210 โครนา
ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0515 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0467 ดอลลาร์ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2215 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2142 ดอลลาร์