ฉลุย! ผู้ถือหุ้น JWD โหวตควบ SCGL ขึ้นแท่นผู้นำขนส่งอาเซียน
ฉลุย! ผู้ถือหุ้น JWD อนุมัติควบรวม SCGL คาดโอนเสร็จไตรมาส 4/66 ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์” ขึ้นแท่นผู้นำขนส่งอาเซียน หนุนผลงานโตกระโดด
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เปิดเผยว่า บริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 วานนี้ให้รวมกิจการกับ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SCGL) ด้วยวิธีการแลกหุ้น (Share Swap)
โดย JWD จะลดทุนและเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 905,510,153.00 บาท จากเดิม 509,999,971.50 บาท ขั้นตอนต่อไปบริษัทจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 791,020,363 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อจัดสรรและเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) แก่ผู้ถือหุ้นของ SCGL ราคาหุ้นละ 24.02 บาท เป็นค่าตอบแทนการรับโอนหุ้น SCGL แทนจ่ายด้วยเงินสด ภายหลังแลกหุ้นแล้วกลุ่ม SCG Group จะเข้าถือหุ้นใน JWD 42.9%
สำหรับการรวมกิจการคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/66 หลังจากนั้น JWD จะเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ใช้ตัวย่อ “SJWD” ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะเริ่มรวมงบการเงินของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ส่วนโครงสร้างการบริหารในบริษัทจะเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยมี นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ตัวแทนจาก JWD และ นายบรรณ เกษมทรัพย์ ตัวแทนจากกลุ่ม SCGL ร่วมกันบริหารงานในตำแหน่ง Co-CEO (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม) และจะดำเนินการปรับโครงสร้างภายในเพิ่มเติม จากนั้นคาดว่าบริษัทจะรับโอนกิจการทั้งหมด Entire Business Transfer (EBT) ของ SCGL เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/66
ทั้งนี้การรวมกิจการกับ SCGL จะเกิดการผนึกกำลังและผสานความแข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัทเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจสู่ “ผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน” โดย JWD มีความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแก่สินค้าเฉพาะทาง เช่น คลังห้องเย็น, คลังสินค้าอันตราย, รับฝากและบริหารยานยนต์ เป็นต้น
ส่วน SCGL มีความถนัดให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เหล็กและวัสดุก่อสร้าง, กระดาษและบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น เมื่อผนึกกำลังกันแล้วก็จะสามารถนำเสนอบริการแบบครบวงจร ตั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ (End-to-End) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multi-modal Transportation) ทั้งทางรถ ทางเรือและทางรถไฟ ตลอดจนสามารถนำเสนอบริการเพิ่มเติมแก่ฐานลูกค้าเดิมของทั้ง 2 ฝ่ายในรูปแบบ Cross-Sale และ Up-Sale เพื่อเพิ่มรายได้แก่บริษัทฯ เช่น บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ, คลังห้องเย็น, บริการขนส่งสินค้าด้วยเรือลำเลียง
ขณะเดียวกันจะเกิดประโยชน์ต่อการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนและใช้งบลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทสามารถใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ร่วมกันได้อย่างคุ้มค่า อาทิ คลังสินค้า รถขนส่ง เทคโนโลยีไอที ฯลฯ ซึ่งสามารถใช้จุดเด่นด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและบริหารจัดการต้นทุน เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น มีต้นทุนด้านการให้บริการลดลงจากการมีฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและต้นทุนทางการเงินลดลง
“การร่วมกิจการเป็น เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ ในครั้งนี้ จะสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคอาเซียนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งการลงทุนขยายธุรกิจแบบ M&A ในบริษัทที่มีศักยภาพ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นบริหารงานและขยายธุรกิจเชิงรุก เพื่อนำบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน” นายชวนินทร์ กล่าว