คัด 5 หุ้นบลูชิพ ราคาต่ำ 10 บาท ปันผลเกิน 4%
คัด 5 หุ้นบลูชิพ QH-IRPC-CHG-THANI-LH ราคาหุ้นต่ำ 10 บาท พ่วงจ่ายเงินปันผลเกิน 4% จับตากำไร QH-LH โตแกร่ง
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กลุ่ม SET100 ที่มีราคาต่ำกว่า 10 บาท ให้อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เกิน 4% โดยกลุ่มหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 5 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย QH, IRPC, CHG, THANI และ LH ดังตาราประกอบ
โดยบล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองต่อกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ของบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH ที่ 640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 24% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยบล.โนมูระ พัฒนสิน และตลาดคาดจากการโอนที่สูงกว่าคาด และคุม SG&A expense ได้ดีกว่าคาด
ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 น่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เพราะยังมี backlog กลุ่ม low-rise และคอนโดรอโอน และเป็นกลุ่มที่มี %GPM สูงกว่าปกติ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรฯ น่าจะเป็นไตรมาสที่ดีเช่นกัน จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ที่ 2.42 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบจากปีก่อน ทั้งนี้กำไรสุทธิถึงแม้โตสูงเมื่อเทียบจากปีก่อน แต่มาจากฐานที่ต่ำ ในขณะที่ residential business ยังฟื้นตัวไม่มาก เพราะการเสีย market shareต่อเนื่อง ทั้งนี้ส่วนสนับสนุนกำไรคาดมาจากส่วนแบ่งกำไรฯ คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% ของกำไรสุทธิ
สำหรับปี 66 คงกำไรสุทธิที่ 2.73 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยการโตหลักยังมาจากส่วนแบ่งกำไรฯ เป็นหลัก ส่วนของ residential business คาดโตเล็กน้อยจากกลุ่ม low-rise เป็นหลัก จึงยังคงราคาเป้าหมาย QH ปี 66 ไว้ที่ 2.50 บาท คำแนะนำ Trading Buy และคาดจ่ายปันผลสูง 6.4-7.3% ในปี 65-66 เป็นจุดขายหลักของ QH
นอกจากนั้นยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ที่ราคาเป้าหมายปี 66 เท่ากับ 4.30 บาท มองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนแนวโน้มขาดทุนต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 65 ไปมากแล้ว และคงมุมมองแนวโน้มผลประกอบการของ IRPC จะกลับมาเป็นบวกในไตรมาส 1/66 หลังโรงกลั่นกลับมาดำเนินการเต็มไตรมาส และธุรกิจปิโตรเคมีได้แรงหนุนของความต้องการใช้ในจีนที่ฟื้นตัว ประกอบกับเป็นหน้า re-stock เม็ดพลาสติกในจีน มองในช่วงดังกล่าวสามารถซื้อลงทุนระยะยาวได้ คาด operation ทั้งปีมีกำไรได้ต่อเนื่อง จากอัตรากำไรที่สูงกว่าระดับ fixed cost (รวมราว 9.9 $/ton) คาดค่าการกลั่นที่กลับสู่ภาวะปกติราว 6.6 เหรียญ/บาร์เรล และ spread ปิโตรเคมีหลักอย่าง HDPE/PP/ABS ที่ฟื้นตัวในปี 66-65 หลัง oversupply ลดลง ส่งให้ GIM contibution กลับมาอยู่ในระดับ 3.8 เหรียญ/บาร์เรล
ขณะที่คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของบริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI งวดไตรมาส 4/65 เติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากการกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการตามปกติ และเป็นช่วง high season ในการปล่อยสินเชื่อและการขายประกัน นอกจากนั้นมองว่า THANI จัดการกับคุณภาพสินทรัพย์และความเพียงพอของสำรองได้ดี คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 5.50 บาท โดยคง THANI เป็น Top Pick ของกลุ่ม Consumer Finance คู่กับ KTC
สำหรับภาพรวมกำไรสุทธิปี 65 คาดเติบโต 12% เมื่อเทียบจากปีก่อน และคาดปี 66 เติบโต 17% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการปล่อยสินเชื่อใหม่คาดเพิ่มขึ้น และมองว่า THANI บริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี จากการใช้มาตรการการเร่งยึดรถที่ทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 64 ทำให้ลูกหนี้กลับมาจ่ายชำระคืนหนี้มากขึ้น
รวมทั้งมีมองแนวโน้มกำไรสุทธิของบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH งวดไตรมาส 4/65 เติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเป็นไตรมาสที่สูงสุดของปี เพราะ backlog รอโอนมาก คงราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 10.80 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยจุดเด่นของ LH ยังมาจาก residential กลุ่มกลาง-บน ที่กำลังซื้อยังแข็งแกร่งกว่ากลุ่มฯ รวมถึง dividend yield ที่คาดสูง 6.3%-6.8% ในปี 65-66 และปี 66 อาจมี extra gain จากขายสินทรัพย์ที่ไทยและสหรัฐ
ขณะที่บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มกำไรของบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ในช่วงไตรมาส 4/65 คาดทรงตัวถึงปรับขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 จาก Pent-Up Demand และคาดมีการบันทึกรายได้ประกันสังคมในส่วนโรคเรื้อรังเพิ่มเข้ามาเป็นแรงหนุน และยังคงประมาณการกำไรปี 65 ลดลง 28% เมื่อเทียบจากปีก่อน และกำไรปี 66 ลดลง 52% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ยังดีกว่าปี 62 ถึง 1 เท่าตัว คงราคาเป้าหมาย 4.70 บาท แนะนำ “ซื้อ”