เข็ม 5 จำเป็นหรือไม่ ? “หมอยง” แนะเช็กร่างกาย “ไม่แข็งแรง” ฉีดทันที
"หมอยง" คลายข้อสงสัย วัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 5 จำเป็นไหม แนะเช็กร่างกาย “ไม่แข็งแรง” ฉีดทันที เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (19 .ค.65) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan มีใจความว่า โควิด-19 ปัญหาที่ถูกถามบ่อย เรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว 3 เข็ม 4 เข็ม หรือ 5 เข็ม แล้วจะต้องฉีดวัคซีน covid-19 อีกไหม คำว่าฉีดวัคซีนมาแล้ว จำนวนเข็มให้นับรวมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใด ถึงแม้ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตายของจีน ก็ให้นับรวมด้วย วัคซีนทุกชนิดที่ฉีดไม่แตกต่างกัน สามารถให้ข้ามชนิดกันได้ อยากให้ทุกคนได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม และเมื่อให้มานานแล้วเกิน 4 เดือนขึ้นไป จะให้เข็ม 4 ก็ไม่ว่ากัน
สำหรับในรายที่ได้ 4 เข็มมาแล้ว จะให้เข็มต่อไปขอให้พิจารณาถ้าร่างกายแข็งแรงปกติดี อายุน้อยกว่า 60 ปี ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เพิ่มอีก ถึงแม้ว่าจะติดโรค ความรุนแรงของโรคก็จะน้อยมาก ซึ่งการจะให้ต่อไปในเข็มที่ 5 เราจะคำนึงในการให้ดังนี้
1.ในผู้ที่มีร่างกายเปราะบาง และอ่อนแอมากๆ ผู้สูงอายุมากๆ โรคเรื้อรัง เช่น โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคทางปอดและหัวใจ รวมทั้งโรคสมอง ผู้ป่วยติดเตียง ควรจะได้รับวัคซีนต่อไป ถ้าให้วัคซีนเข็มที่ 4 มานานแล้วเกิน 6 เดือน ก็สามารถกระตุ้นเข็มต่อไปได้
2.การให้วัคซีนเข็มที่ 5 ขอให้พิจารณาสภาวะร่างกายของเรา ถ้าเราแข็งแรงดี ก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าร่างกายอ่อนแอมากๆ ดังได้กล่าวมาแล้ว ก็ควรจะมีการกระตุ้น
3.ในกรณีที่ได้วัคซีนมาแล้ว 3-4 เข็ม หรือมากกว่า แล้วเกิดการติดเชื้อ การติดเชื้อนั้นถือว่าเป็นการฉีดวัคซีนอีก 1 เข็มโดยธรรมชาติ ดังนั้นผู้ที่ติดเชื้อแล้ว ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นเป็นภูมิต้านทานแบบลูกผสมที่มีประสิทธิภาพสูง
ผู้ที่ติดเชื้อแล้วจะฉีดวัคซีนอีกไหม เราจะปฏิบัติดังนี้
1.ถ้าไม่เคยฉีดวัคซีนมาเลย แล้วติดเชื้อ จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนต่อไป โดยเข็มแรกให้ห่างจากการติดเชื้อประมาณ 2-3 เดือน แล้วฉีดเข็มที่ 2 ที่ห่างจากการติดเชื้อ 6-12 เดือน ก็จะได้ภูมิคุ้มกันที่สมบูรณ์
2.ถ้าฉีดวัคซีนมาแล้ว 1 เข็มแล้วติดเชื้อ ให้ฉีดวัคซีนเข็มต่อไปห่างจากการติดเชื้อประมาณ 3 ถึง 6 เดือน ถือว่าได้รับ 3 เข็ม (การติดเชื้อนั้นถือว่าเป็นการฉีดวัคซีนอีก 1 เข็มโดยธรรมชาติ) ให้นับรวมการติดเชื้อเป็นการฉีดโดยธรรมชาติ 1 เข็ม และถ้าจะฉีดเข็มต่อไปก็ควรห่างอย่างน้อยอีก 4-6 เดือน โดยหลักการยิ่งห่างยิ่งดี
3.ถ้าได้รับวัคซีนมาแล้ว 2 เข็ม แล้วติดเชื้อ ก็ถือว่าได้รับวัคซีนมาแล้ว 3 เข็ม (ธรรมชาติฉีดให้เรา 1 เข็ม) ถ้าจะฉีดวัคซีนเพิ่มอีก 1 เข็ม ควรจะห่างจากการติดเชื้อ 6 เดือน แต่ถ้าเราเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงมากๆ จะกระตุ้นที่ 4 เดือนก็ได้
4.ถ้าได้รับวัคซีนมาแล้ว 3 เข็มขึ้นไปแล้วติดเชื้อ ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจะเป็นภูมิต้านทานที่มีระดับสูงมาก ในคนที่แข็งแรงดีไม่จำเป็นที่จะต้องกระตุ้น ยกเว้นกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีร่างกายอ่อนแอมากๆ ถ้าจะกระตุ้นก็ควรห่างจากการติดเชื้อไปอย่างน้อย 6 เดือน
โดยหลักการทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วจะไม่ใช้ในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี เพราะการให้ mRNA วัคซีนในเด็ก ผลข้างเคียงระยะสั้นและระยะยาวจะเป็นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึง ในเด็กที่แข็งแรงดีให้ฉีดวัคซีนตามกำหนดเท่านั้น และถ้ามีการติดเชื้อก็ถือว่าเป็นการได้รับภูมิต้านทานแบบสมบูรณ์ ลูกผสมที่มีภูมิต้านทานที่ดีมาก เราจะไม่ให้เข็ม 4 กับ 5 ในเด็ก การจะฉีดวัคซีนกระตุ้น
สำหรับอีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องคำนึงถึงคือการระบาดของโรค ถ้าระบาดมากความเสี่ยงของเราสูง ก็ควรได้รับการกระตุ้น เช่นในช่วงนี้การระบาดอยู่ในขาขึ้น และถ้าหลังกุมภาพันธ์ไปแล้วอยู่ในขาลง ก็จะอยู่ในภาวะที่รอได้ และจะมีการระบาดอีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายนเมื่อถึงตอนนั้นค่อยพิจารณาเรื่องการฉีดวัคซีนอีกครั้งตามฤดูกาลแบบไข้หวัดใหญ่ ขอย้ำอีกทีการนับจำนวนเข็มการฉีดวัคซีน ไม่แยกชนิดของวัคซีน ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนอะไรมาก็ขอให้นับจำนวนเข็มทั้งหมด