SVR ปักหมุดเทรด mai หวังต่อยอดพัฒนาอสังหาฯ ยกระดับโตแบบไฮโกรท
SVR เดินหน้าระดมทุนใน mai เสนอขาย “ไอพีโอ” 130 ล้านหุ้น หวังผุดโครงการพัฒนาอสังหาฯแนวราบใหม่ๆ ในอนาคตเพิ่ม ยกระดับการเติบโต แบบ High Growth
นายอรรถปวิทย์ มโนธรรมรักษา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาเน้นให้ความสำคัญในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบ (บ้านเดี่ยว – ทาวน์โฮม) มากขึ้น โดยสะท้อนจากกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการในการซื้ออสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) จะเลือกซื้อโครงการจากพื้นที่ใช้สอย และฟังก์ชั่นที่เอื้อประโยชน์ต่อการทำงานที่บ้าน ด้วยระดับราคาที่คุ้มค่าน่าซื้อ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้ครบทุกมิติ ทำให้ที่อยู่อาศัยแนวราบ ย่านกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ในระดับราคาไม่เกิน 5-7 ล้านบาท จึงมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
โดยจากดีมานด์ที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีความต้องการสูง ส่งผลให้สิวารมณ์วางเกมกลยุทธ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อที่อยู่อาศัยแนวราบทุกรูปแบบราคา 1 ถึง 7 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง โดยบริษัทฯมุ่งเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัย บนพื้นที่ขนาดที่ดินต่อโครงการไม่เกิน 50 ไร่ เพื่อให้สามารถกระจายการพัฒนาโครงการได้ในหลากหลายพื้นที่ที่มีความเหมาะสมกับความต้องการและไม่เกิดอุปทานส่วนเกิน ซึ่งจากกลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ทุกโครงการของสิวารมณ์ สามารถจำหน่ายได้หมดภายใน 1 ถึง 3 ปี
ทั้งนี้ด้วยวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่นในการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม สินค้า และบริการ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิต เน้นความโดดเด่นด้านการออกแบบที่อยู่อาศัยเลือกสรรทำเลที่ตั้งโครงการที่มีศักยภาพ โดยพัฒนาโครงการพื้นที่ใกล้แหล่งชุมชน หรือแหล่งที่ทำงาน แหล่งสาธารณูปโภคทางด้านคมนาคม (ถนนสายหลัก ทางด่วน มอเตอร์เวย์ สถานีรถไฟฟ้ารถไฟฟ้า) เพื่อให้ตอบโจทย์ทุก Lifestyle ทุก Generation มากที่สุด สู่การผลักดันและต่อยอดการพัฒนาโครงการในอนาคต
อย่างไรก็ดีจากความต้องการของผู้บริโภคในโครงการบ้านแนวราบ เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีดีมานด์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีทิศทางการเติบโตเพิ่มขึ้นตาม โดยจะเห็นได้จากปี 2565 มีแนวโน้มเติบโตในอัตรา 4.5% จากปี 2564 จากปัจจัยดังกล่าวทำให้สิวารมณ์มีการเร่งพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการ โดยจะเห็นได้จากในช่วงปี 2562 มีการพัฒนาโครงการจำนวน 2 โครงการ เพิ่มขึ้นเป็น 9 โครงการ ในปี 2565 ผ่านการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด “Best Smart Living” โดยชู 4 S Smart ประกอบด้วย 1.Smart Location คือทำเลที่ตั้งต้องเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ และใกล้รถไฟฟ้า
2.Smart Space คือการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่นำเอาความต้องการของผู้อยู่อาศัยมาเป็นที่ตั้ง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้พื้นที่ภายในบ้านได้อย่างคุ้มค่าและลงตัว 3.Smart Value ด้านราคาที่ลูกบ้านจ่ายไปต้องได้รับความคุ้มค่าอย่างสูงสุด และ 4.Smart Home นวัตกรรมต่างๆ ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ Lifestyle ทุก Generation ซึ่งการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดดังกล่าว สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว
ด้าน นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส SVR กล่าวเพิ่มเติมในฐานะ CFO ว่า ด้วยความมุ่งมั่นในการต่อยอดธุรกิจสู่ความยั่งยืนในอนาคต ส่งผลให้บริษัทฯ มีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อนำเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนเพื่อต่อยอดการพัฒนาโครงการในอนาคตให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ทั้งนี้หากพิจารณางบผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเห็นได้ว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 31 กันยายน 2565 มีรายได้รวม 532 ล้านบาท กำไรสุทธิ 36 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 576 ล้านบาท กำไรสุทธิ 64 ล้านบาท, ปี 2563 มีรายได้จากการขาย 557 ล้านบาท กำไรสุทธิ 42 ล้านบาท และปี 2562 มีรายได้รวม 243 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 5 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะเดียวกันอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ในระดับต่ำ โดย ณ 9 เดือนแรกปี 2565 D/E เพียง 1.39 เท่า และบริษัทฯได้กำหนดนโยบายการดำรง D/E ก่อน IPO 3:1 และหลัง IPO 2:1
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจากศักยภาพความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ที่สามารถฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสถาการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สามารถสะท้อนให้เห็นถึงรายได้และกำไรของสิวารมณ์ที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงแนวโน้มการเติบโตผลการดำเนินงานของสิวารมณ์มีโอกาสก้าวสู่ระดับ High Growth อย่างต่อเนื่องในอนาคต ภายใต้การขยายการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ขณะที่ นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าว ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินว่า สิวารมณ์เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 130 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.49% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1.00 บาท โดยสิวารมณ์เป็นผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เป็นอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตสูง และเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ที่น่าจับตา เนื่องจากด้วยพฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยมีการปรับเปลี่ยน ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยแนวราบรอบกรุงเทพฯ ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยทุก Generation
อย่างไรก็ตามด้วย Key Business ของบริษัทฯ เป็นการสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ และ พันธกิจของบริษัทฯ ในการมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม สินค้าและบริการ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิต โดยส่งมอบสังคมคุณภาพพร้อมความสุข อย่างยั่งยืน ภายใต้การพัฒนาคุณภาพสินค้าบริการ และองค์กร ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการใส่ใจความต้องการของลูกค้าในทุกระดับราคา และทุก generation เพื่อสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับ ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงานในองค์กร