ดักเก็บ 5 หุ้นตัวท็อป! รับยอดผลิต “รถยนต์” พ.ย. นิวไฮรอบ 44 เดือน
เปิดโผ 5 หุ้นตัวท็อป! อานิสงส์ยอดผลิตรถยนต์เดือน พ.ย. แตะ 1.9 แสนคัน นิวไฮรอบ 44 เดือน จากดีมานด์ EV เพิ่ม-ปัญหาขาดแคลนชิปคลาย ชู SAT-WHA-NEX-EA-PTT รับเต็ม
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(21 ธ.ค.65) ว่า ส.อ.ท.รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือน พ.ย.65 อยู่ที่ 1.9 แสนคัน เพิ่มขึ้น15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, เพิ่มขึ้น11% เทียบเดือนก่อนหน้า สูงสุดในรอบ 44 เดือน จากปัญหาขาดแคลนชิปที่คลี่คลาย ทำให้การผลิตรถยนต์กลับมาเร่งตัวได้มากขึ้น รวมถึงมีการเร่งผลิตก่อนช่วงหยุดยาวในช่วงปลายปี
สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 6.8 หมื่นคัน ลดลง 5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 6% เทียบเดือนก่อนหน้า โดยลดลง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากน้ำท่วม ส่วนยอดส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 8.8 หมื่นคัน ลดลง 11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง7% เทียบเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีปัญหาขาดพื้นที่บรรทุกบนเรือที่จะขนส่งไป เพราะแต่ละประเทศสามารถผลิตได้เพิ่มขึ้นก็มาแย่งพื้นที่บรรทุกกัน ทั้งนี้ ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์รวม 11 เดือนปี 65อยู่ที่ 1.72 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 21% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านรถ BEV มียอดจดทะเบียนใหม่เดือน พ.ย.65 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยมียอดจดทะเบียนใหม่อยู่ที่ 1,295 คัน เพิ่มขึ้น657% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, เพิ่มขึ้น6% เทียบเดือนก่อนหน้า และทำให้ 11 เดือนปี 65 มียอดจดทะเบียนรถ BEV ใหม่อยู่ที่ 8,341 คัน เพิ่มขึ้น 362% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย MG และ ORA ยังคงมีสัดส่วนมากสุด
โดยมองเป็นบวก จากยอดผลิตรถยนต์ที่ยังเติบโตดี ทำให้ทั้งปี 2565 จะสูงกว่าที่ประเมินไว้ สำหรับยอดผลิตรถยนต์รวม 1เดือนแรก ปี 65 คิดเป็น 96% จากเป้าทั้งปีที่เราประเมิน 1.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนับว่าดีกว่าที่ประเมินไว้ และจะทำให้ยอดผลิตรถยนต์ทั้งปี 2565 จะเพิ่มเป็น 1.85 ล้านคัน เพิ่มขึ้น10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (เดือน ธ.ค.65 ยอดผลิตรถยนต์จะชะลอตัวเนื่องจากมีวันหยุดยาว) ส่วนปี 2566 จะดีขึ้นต่อเนื่องเป็น 1.9-1.95 ล้านคัน มากกว่าเดิมที่ประเมินที่ 1.85 ล้านคัน โดยได้ผลบวกจากปัญหาขาดแคลนชิปที่ดีขึ้น
ด้านกลุ่ม Automotive ยังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “Neutral” หุ้น top pick ได้แก่ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT โดยราคาหุ้นกลุ่ม Automotive ปรับตัวขึ้น outperform SET เพิ่มขึ้น4%/เพิ่มขึ้น3% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากยอดผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง สำหรับหุ้น top pick ได้แก่ SAT แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.50 บาทโดยกำไรไตรมาส 4/65 จะดีขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดดเด่น จากฐานต่ำปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างกิจการ ส่วนปี 66 กำไรจะดีขึ้นเป็น 1.04 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดผลิตรถยนต์ที่ยังเติบโต รวมถึงจะมีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มอีก 200-300 ล้านบาท ขณะที่ GPM จะดีขึ้นจากสต็อกวัตถุดิบเหล็กที่ลดลง รวมถึงการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นยังมองเป็นบวกต่อ หุ้นที่มีรายได้จากธุรกิจยานยนต์ที่จะปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG แนะนำซื้อเป้า 12.00 บาท มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจยานยนต์ 45%-50%
ส่วนยอดจดทะเบียนรถ BEV ใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็น sentiment บวกต่อกลุ่มนิคมฯ และผู้ประกอบรถ EV โดยกลุ่มนิคมฯ จะมีการเร่งลงทุนของค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ผู้ประกอบการรถ EV จะต้องมีการผลิตรถ EV ในประเทศ เพื่อชดเชยการนำเข้ารถในอัตรา 1-1.5 เท่า รวมทั้งผู้ประกอบการ supply chain รถ EV จะเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของรถ EV ในไทย เนื่องจากปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรถ EV จีนรายใหญ่อย่าง MG, GWM และ BYD
ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มนิคมฯ เราคงน้ำหนักการลงทุนเป็น “Overweight” และ Top-pick เป็น บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA แนะนำซื้อเป้าเป้า 4.60 บาท นอกจากนั้น มองเป็นบวกต่อบริษัทที่มีการผลิต/มีแผนผลิตรถ EV ในประเทศ ที่จะมีกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX แนะนำซื้อเป้า 24.00 บาท และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ,บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA