Pi มองดัชนีสัปดาห์นี้ 1,610 – 1,635 จุด คัด 24 หุ้น Domestic น่าลงทุน
“บล.พาย” ชี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดูดีแต่ดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนซึ่งบวกกับตลาดหุ้นบทวิเคราะห์จาก พร้อมคัด 24 หุ้น Domestic อาทิกลุ่ม ค้าปลีก, ธนาคาร, สื่อสาร, ท่องเที่ยว และ ขนส่ง เป็นต้น
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi ประเมินตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปรับขึ้น +0.5% หลังจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ U of Michigan รายงานดีกว่าคาดการณ์ รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นจากราคาน้ำมันดิบ BRT ที่ปรับเพิ่มขึ้น 3.6% โดยมีข่าวว่ารัสเซียลดการส่งออกน้ำมันดิบ
โดยคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดูแข็งแกร่งตั้งแต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯที่สำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนออกมาที่ 59.7 สูงกว่า Bloomberg คาดการณ์ที่ 59.1 ใส้ในทางมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่าสาเหตุที่ความเชื่อมั่นดีขึ้น 5.1% จากเดือนก่อน แต่หดตัวลง 15% จากปีก่อน หลักๆ เป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง
ขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจขยับขึ้น 25% พร้อมกับมุมมองระยะยาวต่อธุรกิจที่ดีขึ้นเล็กน้อย ด้านเงินเฟ้อ 1 ปีจากนี้ผู้บริโภคประเมินไว้ที่ 4.4% ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ 4.6% ส่วนระยะยาว 5-10 ปีจากนี้ผู้บริโภคประเมินเงินเฟ้อไว้ที่ 2.9% ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ 3% ขณะเดียวกันสหรัฐฯได้รายงาน PCE (เงินเฟ้อ) ออกมาที่ 5.5% จากปีก่อน 0.1% จากเดือนก่อน ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้พอดี ไส้ในพบว่าราคาสินค้าคงทนหดตัว 0.8% จากเดือนก่อน สินค้าไม่คงทนหดตัว 0.1% จากเดือนก่อน ถือเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางเงินเฟ้อในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามแม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯจะออกมาดีกว่าตลาดประเมินไว้แต่ข้อดีคือยังไม่ทำให้ตลาดเปลี่ยนมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ย โดย CME FED WATCH ยังระบุว่าการประชุม FED เดือน ก.พ. ยังให้น้ำหนักส่วนมากราว 66% ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% โดยรวมเรามองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นด้วยตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีช่วยคลายกังวลเศรษฐกิจถดถอย แต่ทิศทางดอกเบี้ยยังดูไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนสัปดาห์นี้เน้นที่ในประเทศซึ่ง 1) ในวันจันทร์หรืออังคารกับตัวเลขการค้าระหว่างประเทศประจำเดือน พ.ย. Bloomberg คาดการณ์มูลค่าส่งออกหดตัว 4.4% จากปีก่อน และนำเข้าหดตัว 2% จากปีก่อน แต่ประเมินขาดดุลการค้า 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 2) ภาวะเศรษฐกิจไทยรายเดือนในวันพฤหัสบดี ซึ่งมีการประเมินไว้ว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะอยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นการเกินดุลต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อหนุนค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า (บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติ)
ด้านต่างประเทศจะค่อนข้างเงียบจากวันหยุดคริสมาสต์ พร้อมประเมินกรอบ SET ทั้งสัปดาห์ที่ 1,610 – 1,635 จุด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นที่ Domestic Play เช่นเดิม ค้าปลีก (BJC, DOHOME, GLOBAL, HMPRO) ธนาคาร (BBL, KBANK, SCB, TISCO, TTB) สื่อสาร (ADVANC, INTUCH) ท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA, SHR) ขนส่ง (BEM) สื่อนอกบ้าน (PLANB) โรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF) ขนส่ง (BEM) เรือเทกอง (PSL)
สำหรับ HMPRO แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/22 จะแตะจุดสูงของปี หนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการซ่อมแซมบ้านหลังอุทกภัย บวกกับมาตรการกระตุ้นภาครัฐ และการเปิดสาขาใหม่ 6 แห่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 16% ในปี 2022 และ 7% ในปี 2023 ซึ่งจะทำให้กำไรกลับมาสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว
ส่วน PSL แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท คาดค่าระวางเรือเทกองฟื้นตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 4/22-1/23 จากสภาพตลาดที่ดีขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 3/22 ด้วยแรงหนุนจาก 1) ฤดูกาลเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตรสหรัฐฯ 2) อุปสงค์จีนที่ฟื้นขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์ และ 3) การคว่ำบาตรนำเข้าถ่านหินรัสเซียโดยสหภาพยุโรป (EU) ที่คาดว่าจะเป็นตัวหนุนอุปสงค์การขนส่งถ่านหินจากประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น