โบรกชี้ SET สัปดาห์นี้ลุ้นแตะ 1,700 จุด จับตาเงินเฟ้อไทย-โควิดในจีน

“กสิกรไทย”ชี้ SET สัปดาห์นี้ลุ้นแตะ 1,700 จุด จับตาเงินเฟ้อไทย-โควิดในจีน พร้อมแนะหุ้น 5 ธีมเด่นลงทุนสั้น-กลาง เน้นกลุ่มได้ประโยชน์จีนเปิดเมือง-โรงไฟฟ้า-ปันผลสูง


บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,650 และ 1,635 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,680 และ 1,700 จุด ตามลำดับ จากวันศุกร์ (30 ธ.ค.65) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,668.66 จุด เพิ่มขึ้น 3.16% โดยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 65 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีนรวมถึงแผนรับนักท่องเที่ยวจีน

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตและภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนธ.ค. และบันทึกการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (เบื้องต้น) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI เดือนธ.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน

ในสัปดาห์สุดท้ายของปี ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นมากกว่า 50 จุด ทั้งนี้ SET Index ดีดตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากรายข่าวเกี่ยวกับการเตรียมเปิดประเทศของจีนในช่วงต้นปี 2566 รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธปท. ซึ่งยังสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ

โดยปัจจัยบวกดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมในสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้นมากสุดตามแรงซื้อหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งจากประเด็นเฉพาะของบริษัท ทั้งนี้ การซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคักในวันทำการสุดท้ายของปีก่อนวันหยุดปีใหม่

สำหรับภาพรวมในปี 2565 นั้น ดัชนี SET เพิ่มขึ้น 0.67% มาปิดสิ้นปี 2565 ที่ระดับ 1,668.66 จุด จากระดับ 1,657.62 จุด ณ สิ้นปี 2564 โดยหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงในช่วงครึ่งแรกของปี โดยมีปัจจัยลบจากการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด สงครามรัสเซีย-ยูเครน การระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย ตลอดจนการล็อกดาวน์ในหลายเมืองของจีน

อย่างไรก็ดีหุ้นไทยทยอยฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค. โดยมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัว การส่งสัญญาณชะลอขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดหลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย่อตัวลง และแรงหนุนเพิ่มเติมที่เข้ามาในช่วงปลายปีจากข่าวการเตรียมเปิดประเทศของจีน

โดยแนะนำลงทุนระยะสั้น-กลาง 5 ธีมเด่น อาทิ 1.) ประเมินหุ่นกลุ่ม Growth กลุ่ม Tech Consult และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะมีกระแสก็งกำไร ตามหุ้น Tech สหรัฐที่ปรับขึ้นแรงเมื่อคืนมองบวกต่อ BE8, BBIK, SVI ฯลฯ

2.) กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อาทิ BGRIM, GPSC เรายังแนะนำถือต่อจากที่เคยแนะนำก่อนหน้า เชื่อว่าประเด็นค่า Ft งวด ม.ค.- เม.ย. กกพ. เคาะแล้วเมื่อวานที่ 5.33 บาทต่อหน่วย สูงกว่าสมมติฐานที่ KS คาดที่5.2 บาทต่อหน่วย มี Upside และปลดล็อก Overhang ราคาหุ้น รวมถึงยังมีปัจจัยหนุนจาก Gas pool price ที่แนวโน้มปรับลง และเงินบาทแนวโน้มแข็งค่าต่อ

3.)หุ้นปันผลสูง : ที่เคยแนะนำก่อนหน้า อาทิ AP,LH, ORI, RATCH, EGCO, KKP, BBLหลายบริษัทราคาหุ้นปรับขึ้นมาจน Upside เริ่มจำกัดจาก TargetPrice ยังแนะนำ let profit Run โดยหุ้นที่ยัง Laggard หลักๆคือกลุ่มโรงไฟฟ้าโดยรวมเรายังมองบวกกับหุ้นปันผลตามสถิติเดิมคือ หุ้นปันผลมักจะ perform ในช่วงไตรมาส 1/66

4.) หุ้นร้านขายยาและอาหารเสริม อาทิ HL, MEGA, TIPCO, KISS คาดยังมีกระแสเก็งกำไรต่อจาก ชาวจีนเดินทางเข้าประเทศเร่งซื้อยารักษา Covid, สเปย์กันโควิด , ฟ้าทะลายโจร

5.หุ้นที่ทิศทางผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด หรือทิศทางกำไรดีต่อเนื่องตั้งแต่ ไตรมาส 4/65 และราคาหุ้นอยู่ในโซนล่าง อาทิ AEONTS, D, DOHOME แนะนำลงทุนส่วนกลุ่มที่ราคาปรับขึ้นมาแล้ว อาทิ AURA, MOSHI ยังแนะนำ let profit Run

Back to top button