4 วันอันตราย! เปิดตัวเลขอุบัติเหตุ “ปีใหม่ 66” ตาย 218 ราย เจ็บ 1,647 คน

“บุญธรรม เลิศสุขีเกษม” เปิดตัวเลขสถิติอุบัติเหตุทางถนน วันที่ 29-4 ม.ค.66 พบว่ามีจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ 478 ครั้ง มีเสียชีวิต 218 ราย เจ็บ 1,647 คน เหตุเกิดจากขับรถเร็ว รวมถึงดื่มแล้วขับ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (02 ม.ค. 66) นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยถึงสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค.66 ซึ่งเป็นวันที่สี่ของช่วงรณรงค์ (29 ธ.ค.65-4 ม.ค.66) “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” พบว่ามีจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ 478 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 465 คน ผู้เสียชีวิต 66 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว 37.03% รองลงมา คือ ดื่มแล้วขับ 33.26%

โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง โดยช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01- 01.00 น. โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สงขลา (27 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สงขลา (31 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน, สระแก้ว, สุราษฎร์ธานี (จังหวัดละ 4 ราย)

ทั้งนี้ สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค.65 – 1 ม.ค.66) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,664 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,647 คน ผู้เสียชีวิตรวม 218 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (56 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สกลนคร (57 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (12 ราย) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 10 จังหวัด

นายบุญธรรม กล่าวว่า วันที่ 2 ม.ค.66 เป็นวันหยุดวันสุดท้ายของช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เส้นทางขากลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ จะมีปริมาณการจราจรหนาแน่น ซึ่งการสังสรรค์เฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ อาจทำให้ผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการง่วงหลับใน

ทั้งนี้ ศปถ. จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดเข้มข้นจุดตรวจ โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมสู่ถนนสายหลัก-สายรอง ที่ประชาชนใช้เป็นทางลัดและทางเลี่ยงเมืองซึ่งผู้ขับขี่มักใช้ความเร็วสูง พร้อมเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจยานพาหนะ และรถโดยสารสาธารณะ ทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง เพื่อชะลอความเร็วรถและประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ เน้นดูแลจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาวที่มักเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน รวมถึงประสานการเปิดช่องทางพิเศษ เพื่อเร่งระบายรถและจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกบริเวณจุดตัดเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น

Back to top button