สั่งสอบแล้ว! “ศักดิ์สยาม” ให้ 7 วัน แจงป้าย “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” 33 ล้านบาท
รมว.คมนาคม สั่งตรวจสอบเรื่องราคาป้าย “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” สยบข้อวิจารณ์จากสังคมหลังพบว่ามีราคาถึง 33 ล้านบาท ยืนยันหากพบความผิดปกติก็พร้อมที่จะยกเลิกการจัดทำทันที่ และต้องเอาคนผิดมาลโทษ
จากกรณี นายเติมพงษ์ เหมาะสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าบริษัทได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในการก่อสร้างโครงการปรับปรุงป้ายชื่อ สถานีกลางบางซื่อ เป็น สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และ ตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินกว่า 33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.65 จนทำให้เกิดเสียงกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างว่าใช้งบประมาณสูงเกินจริงหรือไม่นั้น
ล่าสุดวันนี้ (3 ม.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงคมนาคมไปดำเนินกาตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นพบว่า ขนาดป้ายที่ดำเนินการใหญ่ จึงต้องดูว่าราคากับปริมาณงานเป็นอย่างไร เพราะเป็นป้ายลักษณะพิเศษตัวหนังสือใหญ่ และเป็นการทำป้ายทั้งหมดหลายรายการ
ส่วนที่กระแสสังคมมองแพงเกินไปนั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า คงมีการชี้แจง เพราะมีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ ไม่ต้องกลัวในเรื่องเหล่านี้ ถ้าถูกก็คือถูก ถ้าผิดก็คือผิด ทั้งนี้ ได้สั่งการไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ม.ค.แล้ว ไม่เกิน 7 วันคงทราบผล ซึ่งถ้าหากพบความผิดปกติก็สามารถยกเลิกได้ และจะต้องถูกลงโทษด้วย
ทั้งนี้มีรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นการดำเนินการคัดเลือกด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง เนื่องจากเป็นงานเร่งด่วน ต้องให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน โดยเปิดประมูลเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 ซึ่งราคากลางที่กำหนดนั้นได้มีการสืบราคาจากบริษัททำป้ายถึง 3 บริษัท และได้เชิญบริษัท ยูนิคฯ มาเจรจาต่อรอง เพราะเป็นผู้รับเหมาที่ดำเนินการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่ออยู่แล้ว จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินการมากกว่ารายอื่น
ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้วงเงินดำเนินการกว่า 33 ล้านบาท เนื่องจากตัวหนังสือที่ต้องเปลี่ยนมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทำให้มีจำนวนตัวหนังสือเพิ่มขึ้นจากเดิม รวมถึงต้องเปลี่ยนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
นอกจากนี้ น้ำหนักของตัวหนังสือก็เพิ่มขึ้น จะต้องปรับโครงสร้างอาคารบริเวณที่ติดตั้งเพื่อให้รองรับน้ำหนักได้มากขึ้น ซึ่งจะต้องเจาะกระจก และหากเจาะไม่ได้ต้องเปลี่ยนใหม่ โดยยืนยันว่าราคาที่ดำเนินการมีความเหมาะสมกับเนื้องาน