“ดาวฟิวเจอร์” เด้งแรง 300 จุด ขานรับหุ้นพลังงานปี 65 พุ่ง 58%
“ดาวโจนส์ฟิวเจอร์” เด้งแรง 300 จุด ขานรับหุ้นกลุ่มพลังงานปี 65 พุ่งแรง 58% ส่งสัญญาณวอลล์สตรีทเปิดปี 66 แดนบวก
ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(3ม.ค.66) ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นเกือบ 300 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของปี 2566 โดย ณ เวลา 17.59 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 294 จุด หรือ 0.88% สู่ระดับ 33,579 จุด
สำหรับการซื้อขายในปีที่แล้ว ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททำสถิติดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 3 ปีติดต่อกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 8.8% ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทรุดตัวลง 19.4% และ 33.1% ตามลำดับ โดยเป็นครั้งแรกที่ดัชนีทั้ง 3 ร่วงลงเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2561
ด้านหุ้นกลุ่มสื่อสารเป็นกลุ่มที่ทรุดตัวลงหนักที่สุดในปีที่แล้ว โดยดิ่งลงกว่า 40% ขณะที่กลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มเดียวที่ปรับตัวขึ้นโดยพุ่งขึ้นเกือบ 58%
“ถึงแม้ยังคงมีคำถามมากมายขณะที่เราก้าวเข้าสู่ปีใหม่ แต่เราก็มีความสุขที่จะได้เห็นปี 2565 จบสิ้นลงเสียที” นางรีเบคคา เฟลตัน นักกลยุทธ์การตลาดของบริษัท Riverfront Investment Group กล่าว
นักลงทุนคาดหวังในช่วงต้นปี 2565 ว่า ตลาดหุ้นจะปรับตัวสดใส ขณะที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น หลังประเทศต่างๆผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งช่วยกระตุ้นอุปสงค์ และแก้ไขปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
อย่างไรก็ดี หลังจากที่รัสเซียประกาศบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.2565 ทำให้สหรัฐและชาติตะวันตกออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ส่งผลให้ทั่วโลกเกิดการขาดแคลนพลังงานและอาหารอย่างหนัก และเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น จนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางทั่วโลกเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สำหรับทิศทางของตลาดในปี 2566 นักวิเคราะห์แสดงความเห็นว่าตลาดยังคงถูกกดดันจากเงินเฟ้อ ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และความขัดแย้งในช่องแคบไต้หวัน รวมทั้งแนวโน้มการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากที่จีนผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ และกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง
“สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2565 ถูกผลักดันโดยเฟดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุล ส่วนในปี 2566 ผมคิดว่าเฟดจะไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนตลาด แต่จะเป็นเรื่องของบริษัทจดทะเบียน และปัจจัยพื้นฐาน โดยบริษัทที่มีผลประกอบการดีจะดีดตัวขึ้น” นายแพทริก อาร์มสตรอง หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Plurimi Wealth LLP กล่าว
นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนธ.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์