BGRIM-GPSC ท็อปพิก! รับค่าเอฟทีพุ่ง-ราคาก๊าซลดลง
โบรกมองหุ้น “พลังงาน” อ่อนตัวลงช่วงนี้ หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแรง หลังจีนประกาศเพิ่มโควตาส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันปีนี้ ยังคงมองบวกต่อหุ้นไฟฟ้าน่าลงทุน ชู BGRIM-GPSC เป็นหุ้นท็อปพิก รับอานิสงส์ค่าเอฟทีพุ่ง และราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลง
บริษัท หลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ มองแนวโน้มราคาน้ำมันดิบต้อนรับปีใหม่ลดลง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยสัปดาห์ที่แล้วซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับอาทิตย์ต่ออาทิตย์เป็น 79.4 เหรียญต่อบาร์เรล จากนโยบายการเปิดประเทศของจีน ทำให้เกิดความคาดหวังต่อปริมาณการใช้น้ำมันสูงขึ้นและรัสเซียประกาศลดกำลังผลิตน้ำมันดิบลง เพื่อตอบโต้ต่อมาตรการการกำหนดเพดานราคาของยุโรป
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบเปิดปีใหม่กลับปรับลดลงแรง 5% โดยเฉพาะ Brent และ WTI จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในจีน ภาวะเศรษฐกิจจีนอ่อนแอกว่าคาดจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิตของจีน (PMI) ปรับตัวลดลง และการประกาศเพิ่มโควตาส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันของจีนในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอในประเทศ
สำหรับค่าการกลั่นสิงคโปร์ GRM เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเป็น 10.5 เหรียญ/บาร์เรลจาก 8.7 เหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า และหลักจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันเบนซินเนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปิดดำเนินการชั่วคราวจากพายุหิมะและสภาพอากาศหนาวทำให้อุปทานตึงตัว อีกทั้งราคาน้ำมันอากาศยาน (Jet) ได้แรงหนุนจากความคาดหวังจากการเดินทางท่องเที่ยวภายหลังการเปิดประเทศของจีน
ทั้งนี้ ด้วยราคาแนฟทาสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับอาทิตย์ต่ออาทิตย์ และราคาผลิตภัณฑ์ได้รับผลกระทบจากความต้องการลดลงในช่วงปลายปี รวมถึงอุปทานใหม่จากการเริ่มผลิตของโรงปิโตรเคมีในประเทศจีน ทำให้สเปรดปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ลดลงหลังจากปรับเพิ่มต่อเนื่องมา 7 สัปดาห์
ขณะเดียวกันราคาก๊าซธรรมชาติ Henry hub ปรับตัวลดลงแรงจากระดับเกือบ 7 เหรียญ/MMBTU เมื่อกลางธันวาคมเหลือเพียง 3.9 เหรียญ รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปก็ลดลงแรงจากสภาพอากาศในฤดูหนาวที่อุ่นกว่าปกติทำให้ความต้องการใช้ก๊าซไม่สูงมากเท่ากับปีก่อนๆ
อีกทั้ง NVDR เป็นใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย ซื้อหนักส่งท้ายปีในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปี NVDR กลับมาซื้อสุทธิหนักอีกครั้ง หลังจากขายมา 4 สัปดาห์ต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 3.3 พันล้านบาท โดยกระจายซื้อทุกตัวนำโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เพิ่มขึ้น 708 ล้านบาท, บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เพิ่มขึ้น 591 ล้านบาท, และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เพิ่มขึ้น 538 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม NVDR พลิกกลับมาขาย BANPU และ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มากที่สุดใน 2 วันแรกของปีนี้ทางด้านการถือครองหุ้นของต่างชาติเพิ่มมากที่สุดใน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เพิ่มขึ้น 0.05% รองลงมาคือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เพิ่มขึ้น 0.02% โดยขาย PTTGC ลดลง 0.48% มากที่สุด
ทั้งนี้ไตรมาส 4/2565 ต่างชาติซื้อหุ้น BANPU เพิ่มขึ้น 2.56% มากที่สุด รองลงมาคือ SPRC เพิ่มขึ้น 1.50% โดยขาย PTTGC ลดลง 0.76%, และ IRPC ลดลง 0.74%
นอกจากนี้ ยังคงมองหุ้นโรงไฟฟ้าดูน่าสนใจมากกว่า ด้วยปัจจัยแวดล้อมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ทั้งน้ำมันดิบปิโตรเคมี และก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลง โดยมีเพียงค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มของหุ้นพลังงานที่อิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนตัวลง โดยมองว่าปัจจัยแวดล้อมช่วงนี้เป็นบวกกับหุ้นโรงไฟฟ้าอย่าง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าเอฟที และราคาก๊าซธรรมชาติปรับลดลง ทำให้น่าสนใจมากกว่า