สุดยอด! ไทยแชมป์อาเซียน 4 ปีซ้อน พัฒนาประเทศยั่งยืน

ไทยยังคงอันดับ 1 อาเซียนประเทศพัฒนายั่งยืน 4 ปีซ้อน จากการประเมินของสหประชาชาติ โดยใช้หลักการ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เป็นหลักการในการพัฒนาประเทศ


น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Report 2022 ประเมินจากดัชนีเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ 17 ข้อ  ไทยได้คะแนนรวมทั้งหมด 74.13 จาก 100 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นอันดับที่ 44 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ในอาเซียนถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2562

สำหรับดัชนีการประเมินไม่ได้มีเพียงแต่มิติเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 เป้าหมายของสหประชาชาติครอบคลุมมิติการพัฒนามนุษย์ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สันติภาพและความยุติธรรม และความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาของประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้ง 6 ด้านของไทยที่มุ่งพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สะท้อนวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สมดุลครบทุกด้าน จนทำให้สหประชาชาติกำหนดหลักการที่ใช้ในทุกภารกิจของสหประชาชาติในประเทศไทยด้วยวลีสั้นๆ ว่า “การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ขณะเดียวกัน รายงานล่าสุดของสหประชาชาติปี 2565 พบว่าไทยบรรลุเป้าหมาย SDG1 ขจัดความยากจน และมี 5 เป้าหมายที่อยู่ในความสำเร็จหรือกำลังคงความสำเร็จ คือ

  1. เป้าหมาย SDG1 ขจัดความยากจน
  2. เป้าหมาย SDG4 การศึกษาที่มีคุณภาพ
  3. เป้าหมาย SDG6 น้ำสะอาดและสุขอนามัย
  4. เป้าหมาย SDG9 อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน
  5. เป้าหมาย SDG12 การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ

โดยที่โครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยทั้งทางกายภาพ (รถ ราง เรือ เครื่องบิน) และทางดิจิทัล 5G พัฒนาอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรมและล่าสุดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ยังประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนแนวทาง BCG โมเดล การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนที่สามารถประกาศเป็นเป้าหมายกรุงเทพฯในการประชุมเอเปค 2022 ที่นานาประเทศยอมรับแล้ว จึงเป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงการบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ผ่านมาว่าเดินมาถูกทางแล้ว มีหลักเกณฑ์และตัวชี้วัดที่มีมาตรฐานระดับสากลที่นานาประเทศยอมรับ ตรงกันข้ามกับกลุ่มการเมืองที่ไม่หวังดีกับประเทศ ที่สร้างวาทกรรมแบบไม่มีมาตรฐานแล้วนำมาโจมตีการบริหารงานของรัฐบาลอย่างเลื่อนลอย

Back to top button