5 หุ้น “รพ.” ตีปีก จ่อรับผู้ป่วยต่างชาติ โบรกชูท็อปพิก BDMS
เปิด 5 หุ้นโรงพยาบาลสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติกว่า 10% ฟาก BH สัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติสูงสุด 55% หลังจากนี้มั่นใจอานิสงส์นักท่อเที่ยวแห่เข้าไทยหนุนต่อเนื่อง โบรกชูเด่นสุด BDMS
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าในโอกาสนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเดินทางเข้าไทยหลังจากรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ว่า ททท.คาดว่าตลอดปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน กลับมาเป็นชาติที่เข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 ครองสัดส่วน 20% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 2566 ที่คาดไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน
โดยเบื้องต้นสำหรับสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยช่วงระหว่างวันที่ 1-7 มกราคม 2566 มีจำนวนสะสมแล้ว 419,516 คน โดยอันดับ 1 คือ รัสเซีย 46,128 คน รองลงมา คือ มาเลเซีย 45,517 คน, เกาหลีใต้ 32,977 คน, อินเดีย 22,393 คน และลาว 19,674 คน
ส่วนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเป็นอันดับที่ 12 ที่จำนวน 12,308 คน ขณะที่ตลอดปี 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 11,818,727 คน โดยอันดับ 1 คือ มาเลเซีย 1,951,834 คน ตามด้วยอินเดีย 965,994 คน, ลาว 844,958 คน, กัมพูชา 591,657 คน และสิงคโปร์ 589,770 คน ส่วนจีน อันดับ 14 ด้วยจำนวน 286,511 คน ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อไทยได้มีการยกเลิกตรวจใบรับรองฉีดวัคซีน (Vaccine Certificate) ก่อนเข้าประเทศแล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวชาติที่ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนกลับประเทศ เช่น จีน อินเดียนั้น ต้องซื้อประกันสุขภาพวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐฯ เพราะหากผลตรวจเป็นบวกก่อนกลับประเทศ จะได้รักษาในโรงพยาบาลในไทย โดยไม่ต้องเป็นภาระงบประมาณของไทย
ขณะเดียวกันการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยได้ปกติจะส่งผลให้เข้าถึงการรักษาโรงพยาบาลในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นอย่าง BDMS, BH, BCH, PR9 และ EKH เป็นต้น เพราะว่ากลุ่มโรงพยาบาลดังกล่าวมีสัดส่วนรายได้จากฐานผู้ป่วยชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS บริหารงานโรงพยาบาลทั้งหมด 49 แห่ง ซึ่งหลายแห่งได้รับการรับรองคุณภาพระดับสากลให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยชาวต่างชาติราว 2 ล้านคนต่อปี ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์อันทันสมัย พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 12,000 คนที่ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันการแพทย์ชั้นนำ ขณะที่มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติประมาณ 25%
ขณะที่ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติประมาณ 55% นอกจากนี้ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติประมาณ 30%
ส่วน บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ประเมินว่ารายได้การให้บริการทางการแพทย์ฐานผู้ป่วยชาวต่างชาติจะปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 20% ของรายได้รวม และ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ยังมีปัจจัยหนุนสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ ซึ่งจะมาช่วยหนุนธุรกิจ IVF (เด็กหลอดแก้ว) เนื่องจาก EKH มีสัดส่วนรายได้จาก IVF คิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้รวม
ขณะที่บล.ฟิลลิป ประเมินว่า กลุ่มการแพทย์มีความน่าสนใจเพราะเชื่อว่าคนไข้กลับเข้ามาใช้โรงพยาบาลมากขึ้นหลังเทศกาลและวันหยุดยาว โดยแนวโน้มคนไข้ NON COVID-19 ทั้งชาวไทยและต่างชาติกลับเข้าใช้โรงพยาบาลมากขึ้นหลังช่วงเทศกาลวันหยุดยาวและคริสมาสต์โดยเฉพาะ Middle East ที่คาดเร่งกลับเข้าใช้บริการก่อนช่วง Ramadan และ Pent-Up Demand จากบริการก่อนช่วง Ramadan และ Pent-Up Demand จากกลุ่มคนไข้ต่างชาติอื่นๆ ที่ส่อลากยาวไปจนถึงครึ่งแรกปี 2566
นอกจากนี้รับอานิสงส์จีนกลับมาเร็วกว่าคาดจากจีนผ่อนคลายมาตรการกักกันโรคฯ ตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ทำให้ชาวจีนสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้มากขึ้น หนุนลูกค้าจีน IVF กลับเข้าใช้โรงพยาบาลไทยมากขึ้น เป็นบวกต่อโรพยาบาลที่รับคนไข้ต่างชาติอย่าง BH และ BDMS หนุนผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ฟื้นตัวมากขึ้นเมื่อเที่ยบกับงวดเดียวของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน และ EKH ลุ้นกำไรกลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ได้เปรียบกลุ่ม จากสัดส่วนรายได้คนไข้จีน IVF ก่อนช่วงโควิด-19 คิดเป็น 20% ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยแนะนำ “ลงทุนเท่ากับตลาด” ยังคงเลือก BDMS เป็น Top pick ของกลุ่ม