WTI ร่วง 1% หลัง API ชี้สต๊อกน้ำมันดิบ “สหรัฐ” เพิ่มขึ้น

WTI ร่วง 1% อยู่ที่ระดับ 74.46 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง API เผยถึงสต๊อกน้ำมันดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงของสหรัฐพุ่งในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์พลังงานในประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงในช่วงเช้านี้ หลังจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต๊อกน้ำมันดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์พลังงานในประเทศ

ณ เวลา 09:36 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 66 เซนต์ หรือ -0.88% แตะที่ 74.46 ดอลลาร์/บาร์เรล

โดย API ซึ่งเป็นองค์กรพลังงานเอกชนของสหรัฐระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 14.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 6 ม.ค. ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีตติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล

โดยตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 500,000 บาร์เรล

ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เพื่อยืนยันตัวเลขเบื้องต้นของ API

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยหาก CPI ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ก็จะส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้ราคาสัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

Back to top button