เปิด 13 หุ้น รับเทศกาล “ตรุษจีน” ลุ้นเม็ดเงินสะพัด 1.23 หมื่นล้าน

เปิด 13 หุ้น รับเทศกาล “ตรุษจีน” เม็ดเงินสะพัด 1.23 หมื่นล้าน-นักท่องเที่ยวทะลัก 3 แสนราย ฟาก “เอเซีย พลัส” มองดันนักท่องเที่ยวแห่เข้าไทยทั้งปีแตะ 25 ล้านราย ชูหุ้นได้ประโยชน์ AOT-ERW-MINT-CENTEL


สำหรับปี 66 วันตรุษจีนตรงกับวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีน ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจีน ชาวจีนทุกคนให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นอย่างมาก โดยก่อนที่จะถึงวันตรุษจีน หรือ “วันเที่ยว” ยังมีอีก 2 วันสำคัญของเทศกาลตรุษจีน คือวันจ่ายตรงกับวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 และวันไหว้ตรงกับวันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2566

ทั้งนี้ เมื่อใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีนในแต่ละปีทาง “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ทางตรงและทางอ้อมจากวันตรุษจีนในช่วงระยะเวลา 20-22 มกราคม 2566 นี้ มานำเสนอ

เนื่องจากประชาชนไทยเชื้อสายจีนจะมีการเฉลิมฉลอง และออกมาจับจ่ายใช้สอยสินค้าอย่าง อาหาร,เครื่องดื่ม,ผลไม้ เพื่อนำมาเป็นของไหว้ รวมถึงจะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวของอย่างสายการบิน รวมถึงโรงแรมได้รับประโยชน์ตามไปด้วย

ด้านรายงานจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า คาดเม็ดเงินใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนของคนกรุงเทพฯปี 66 อยู่ที่ 12,330 ล้านบาท หรือขยายตัว 5% เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีก่อน ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในรอบ 3 ปี เป็นผลจากราคาสินค้าสูงขึ้น 3.5% เทียบกับปี 2565 ทำให้คนระมัดระวังกับการใช้จ่าย โดยสำรองเงินซื้อเครื่องเซ่นไหว้เพิ่มขึ้น แต่ปรับลดการแจกอั่งเปาลง

ขณะที่จำนวนคนกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมกิจกรรมช่วงตรุษจีนอาจเพิ่ม 1.5% จากปีก่อน โดยเฉพาะการกลับมาทำกิจกรรมท่องเที่ยว ทำบุญ ทานข้าวนอกบ้านมากขึ้น ซึ่งมีแรงหนุนจากสถานการณ์โควิดที่ผ่อนคลายและมาตรการช้อปดีมีคืน อย่างไรก็ตาม ภายหลังหมดเทศกาลตรุษจีนคาดว่าคนกรุงเทพฯจะกลับมาวางแผนใช้จ่ายอย่างรัดกุมมากขึ้น ท่ามกลางค่าครองชีพที่ยังสูง

ช่วงตรุษจีนปี 2566 ทิศทางราคาเครื่องเซ่นไหว้ส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับตรุษจีนปีก่อน จากปัจจัยต้นทุนการผลิตที่ยังสูง โดยเฉพาะผัก-ผลไม้บางรายการที่นิยมในช่วงตรุษจีนยังมีราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% เช่น กล้วยหอมทอง ส้มเขียวหวาน ผักกาดขาว ขึ้นฉ่าย เป็นต้น

ขณะที่กลุ่มเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ ราคาน่าจะปรับขึ้นราว 10% ส่วนเนื้อหมู แม้จะมีราคาย่อลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดในสุกร แต่โดยรวมแล้วราคาก็ยังยืนตัวสูงอาจส่งผลให้คนกรุงเทพฯเผชิญปัจจัยกดดันมาจากราคาสินค้าที่มีแนวโน้มขยับสูงขึ้น

สอดคล้องกับแบบสำรวจระบุว่าปัจจัยที่กระทบกับพฤติกรรมการจับจ่ายในช่วงตรุษจีนปี 2566 มากสุด ได้แก่ ราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น กำลังซื้อและค่าครองชีพ ตลอดจนความกังวลต่อการกลับมาระบาดอีกครั้งของโควิด ตามลำดับ

นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ปี 66 ให้กลับมาในอัตรา 80% ของปี 62 โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมสูงสุด อยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 ล้านคน โดยมั่นใจได้ว่าการท่องเที่ยวจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศและคนไทยอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความสมดุลให้กับสังคม สิ่งแวดล้อม เพื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป

อย่างไรก็ตามหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์ได้แก่ CPF, GFPT, BR, TFG, RBF, JDF, AOT, BA, AAV, CENTEL, ERW, AURA, BTG และ MINT เป็นต้น

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยดูสดใสขึ้น หลังไทยปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าในประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม รวมถึงยกเลิกข้อกำหนดนักท่องเที่ยวต้องมีประกันครอบคลุมวงเงิน 1 หมื่นดอลลาร์ อีกทั้งกระแสจีนเปิดเมืองหนุนให้มีเที่ยวบินมาไทย 

โดยในไตรมาส 1/66 ซึ่งตรงกับเทศกาลตรุษจีน (วันที่ 21-27 ม.ค. 66) ซึ่งเป็นวันหยุดยาวพร้อมกับการเปิดประเทศครั้งแรกในรอบ 3 ปี จึงคาดว่าน่าจะเป็นแรงหนุนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาไทยมากขึ้น โดยททท. คาดว่าจะสูงถึง 1-3 แสนราย

ส่วนตลอดทั้งปี 66 คาดจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนราว 5 ล้านคน ทำให้รวมแล้วทั้งปีอาจมีนักท่องเที่ยวรวมทุกประเทศสูงถึง 25 ล้านคน หรือประมาณ 60% ของตัวเลขปี 62 โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ AOT, ERW, MINT, CENTEL เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนแห่เข้าไทย

นอกจากนี้หุ้นกลุ่มหมูและไก่ไทยคาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาสินค้าเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนเช่นกัน โดยล่าสุดราคาสุกรหน้าฟาร์มในไทยอยู่ที่ 96 บาท/กก. ปรับเพิ่มขึ้น 2.1% เทียบสัปดาห์ก่อนหน้า จากการเปิดเมืองและนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากขึ้น หนุนการบริโภคเนื้อสัตว์สูงขึ้น ขณะที่ราคาไก่เป็นยังยืนสูงต่อเนื่องที่ 44 บาท/กก. นอกจากนี้ ยังคาดแนวโน้มราคาไก่เป็นและสุกรหน้าฟาร์มจะปรับสูงขึ้นในช่วงเทศกาลช่วงตรุษจีนในวันที่ 22 ม.ค.66

โดยฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มเกษตร-อาหาร “เท่าตลาด” โดยแนะนำซื้อ TFG ราคาเป้าหมาย 7 บาท,GFPT ราคาเป้าหมาย 17 บาท ,CPF ราคาเป้าหมาย 32 บาท และ BTG ราคาเป้าหมาย 48 บาท เนื่องจากได้ประโยชน์จากโอกาสในการส่งออกไก่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มราคาไก่และสุกรที่จะปรับสูงขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

Back to top button