THCOM รวบ 2 ดาวเทียม! โบรกชี้รายได้ 1.5 พันล้านต่อปี ดันมูลค่าหุ้นเพิ่ม 5 บ.
THCOM ตามนัดคว้า 2 วงโคจรดาวเทียม ทั้ง 119.5E และ 78.5E จ่ายเงินไม่ถึง 800 ล้านบาท ด้านกสิกรไทย มองไทยคมชนะรอบนี้การันตีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาทต่อปี ส่งผลต่อมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น 5 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เผยผลการประมูลสำหรับการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package) โดยบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท สเปซ เทค อินโนเวชั่น จำกัด หรือ (STI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นอยู่ 100% ได้เข้าร่วมประมูลสาหรับการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package) เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา
ทางกสทช.ได้ประกาศผลการประมูลว่า STI เป็นผู้ชนะการประมูลสาหรับการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package) มีจำนวน 2 ชุด ดังต่อไปนี้
1.Package ชุดที่ 2 ตำแหน่งวงโคจร องศาตะวันออก 78.5 ข่ายงานดาวเทียม THAICOM – A2B, THAISAT-78.5E ราคาสุดท้าย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 380,017,850 บาท
2.Package ชุดที่ 3 ตำแหน่งวงโคจร องศาตะวันออก 119.5 ข่ายงานดาวเทียม THAICOM – IP1, THAICOM – IP3, THAISAT-119.5E และตำแหน่งวงโคจร องศาตะวันออก 120 ข่ายงานดาวเทียม THAISAT-120E ราคาสุดท้าย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 417,408,600 บาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอการแจ้งผลประมูลอย่างเป็นทางการจาก กสทช. ซึ่งบริษัทจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป
ด้านบอร์ดกสทช.จะรับรองผลการประมูลภายใน 7 วัน ซึ่งผู้ชนะการประมูลจะชำระใบอนุญาตงวดแรก 10% ของราคาสุดท้ายภายใน 90 วัน งวดที่ 2 ชำระ 40% ในปีที่ 4 และงวดที่ 3 ชำระ 50% ในปีที่ 6 ทั้งนี้ใบอนุญาตฯ จะมีอายุ 20 ปี
อย่างไรก็ดีการประมูลการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด โดยกสทช.ถือเป็นการจัดสรรวงโคจรดาวเทียมด้วยวิธีประมูลเป็นครั้งแรก และเปลี่ยนจากระบบการให้สิทธิจากระบบสัมปทานเป็นระบบใบอนุญาต ทั้งนี้การประมูลมีเงื่อนไขของผู้ประมูลได้ คือ วงโคจรทุกชุดจะต้องแบ่งให้รัฐใช้ 1 ทรานสปอนเดอร์ หากใช้เพื่อให้บริการบรอดแบนด์รัฐที่ 400 เมกะบิตต์ สำหรับแพ็กเกจที่ไม่มีผู้ประมูล กสทช.จะพิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร
ด้านนายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการประมูลวงโคจรดาวเทียมเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 66 ที่ผ่านมาเป็นไปตามที่คาดไว้ บริษัทไทยคมได้ 2 วงโคจร ทั้ง 119.5E และ 78.5E ซึ่งถือเป็นข่าวเชิงบวกสำหรับหุ้น THCOM โดยหากประเมินมูลค่าหุ้นไทยคมที่จะเพิ่มขึ้น คิดเป็น 5 บาทต่อหุ้น
โดยเฉพาะวงโคจร 119.5E ปัจจุบันเป็นวงโคจรของไทยคม 4 ที่ใช้งานอยู่ ซึ่งบริษัทจะมีการยิงไทยคม 9 ขึ้นไปทดแทน จากอายุที่เหลือการใช้งานของดวงเดิมประมาณ 2 ปี โดยวงโคจรดังกล่าวสร้างรายได้ให้กับไทยคมประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถโอนถ่ายลูกค้าจากไทยคม 4 ไปไทยคม 9 ได้อย่างราบรื่นในวงโคจรดังกล่าว
ส่วนวงโคจร 78.5E ปัจจุบันดาวเทียมไทยคม 6 และ 8 ยังเหลืออายุใช้งานอีก 8 ปี ดังนั้นคาดว่าบริษัทไทยคมจะขอยกเว้นจากทางกสทช.เพื่อรอให้ใกล้ครบกำหนดอายุใช้งานของเดิมก่อน หรือหากยกเว้นไม่ได้ก็จะต้องยิงดาวเทียมอย่างน้อย 1 ดวงภายใน 3 ปี โดยประเด็นดังกล่าวคงต้องรอความชัดเจนจากทางไทยคมมาชี้แจงก่อนว่าจะเลือกใช้วิธีใด ปัจจุบันรายได้จากไทยคม 6 และ 8 อยู่ที่ 400-500 ล้านบาทต่อปี แต่หากไม่มีการยิงดาวเทียมตามกำหนดอาจถูกปรับจากทางกสทช.
ปัจจุบันลูกค้าของไทยคม 6 และ 8 เป็นลูกค้าบรอดแบนด์และจานดาวเทียมเกือบทุกประเภท ทั้งจานแดงและจานดำและจานของกลุ่มทรูวิชั่น ดังนั้นที่ผ่านมาไทยคมจึงมีความกังวลว่ากลุ่มทรูจะเข้าร่วมประมูลด้วย แต่ในที่สุดก็ถอนตัว ไม่เข้าร่วมประมูล แต่กลับมีบริษัท พร้อมฯ เข้ามาแข่ง โดยมีการเคาะแข่งขันประมาณ 1-2 ครั้งในวงโคจรดังกล่าว
สำหรับมูลค่าดาวเทียมที่ถูกที่สุดประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ อาจจะต้องส่งขึ้นไปก่อนที่ดาวเทียมเก่าไทยคม 6 และ 8 จะหมดอายุ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัท
ขณะที่การชนะประมูลครั้งนี้ถือว่าเป็นข่าวดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน แต่นักลงทุนคงต้องตั้งคำถามว่าวงโคจร 78.5E ยังเหลือเวลาอีกมาก แล้วจะสามารถยิงดาวเทียมขึ้นไปสำรองไว้ก่อนหรือไม่ ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่าย เนื่องจากลูกค้าของกลุ่มวงโคจรดังกล่าวยังไม่มีมากเพียงพอที่จะเพิ่มดาวเทียมอีกดวงขณะนี้
ดังนั้นเชื่อว่า THCOM คว้า 2 วงโคจรดาวเทียม ทั้ง 119.5E และ 78.5E ทางฝ่ายวิจัยการันตีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาทต่อปี ส่งผลต่อมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 5 บาท
อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปดูผลการดำเนินงานส่วนของรายได้รวมย้อนหลัง 5 ปี ที่ผ่านมา โดยจากปี 2561 จนถึงปัจจุบัน พบว่า ในปี 2561 บริษัทสามารถทำรายได้รวม 6,218.49 ล้านบาท ต่อมาในปี 2562 บริษัทมีรายได้รวม 5,000.35 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 4,368.34 ล้านบาท ส่วนในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 3,505.67 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 2,322.92 ล้านบาท
ด้านของราคาหุ้นบนกระดาน THCOM ปิด ณ วันที่ 13 ม.ค. 66 ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 16.30 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.49% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 516.29 ล้านบาท ทั้งนี้จากบริษัทไทยคมคว้า 2 วงโคจรดาวเทียม ทั้ง 119.5E และ 78.5E ในการได้ใบอนุญาตใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมช่วยผลักดันรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาทต่อปี ส่งผลต่อมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 5 บาท ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ