“ประวิตร” สั่งเพิ่มเงิน “บัตรคนจน” รอบใหม่ 500-700 บาท
“ประวิตร” สั่งการให้คลังหาทางเพิ่มเงินในบัตรรอบใหม่ เดือนละ 500-700 บาท หวังช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับประชาชน คาดเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 1 มี.ค.66
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง ไปพิจารณาหาแนวทางเพิ่มเงินอุดหนุนค่าครองชีพแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ที่จะเริ่มเดือนมี.ค.นี้ โดยอยากให้เพิ่มเป็น 500-700 บาทต่อเดือน จากปัจจุบันที่ได้รับคนละ 200-300 บาทต่อเดือน เพื่อให้ช่วยเหลือลดรายจ่ายแก่ผู้มีรายได้น้อยในการใช้จ่ายในค่าดำเนินค่าครองชีพในชีวิตประจำวัน
โดยที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ยังไม่มั่นใจว่า จะปรับเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการรอบใหม่ได้ตามที่สั่งการมาหรือไม่ เพราะการเพิ่มวงเงินอุดหนุนจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มมหาศาล ซึ่งอาจต้องใช้งบประมาณสนับสนุนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเป็นปีละกว่าแสนล้านบาท จากปัจจุบันที่มีการใช้งบประมาณเฉลี่ยปีละ 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการจัดทำบัตรสวัสดิการรอบใหม่นี้ นอกจากจะมีโจทย์ให้เพิ่มวงเงินสวัสดิการต่างๆ แล้ว คาดว่าจำนวนผู้ได้รับสิทธิก็จะมีเพิ่มเช่นกัน จากปัจจุบันมี 13 ล้านคน อาจเพิ่มเป็นเกือบ 20 ล้านคน
ขณะที่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้คาดว่าจะได้รับรายชื่อผู้สมัครบัตรสวัสดิการฯ ที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาถึงมือภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้ จากนั้นจะมีการประกาศรายชื่อผู้ได้รับสิทธิ และไม่ได้รับสิทธิโดยเร็ว อาจจะภายในสิ้นเดือนม.ค.หรือต้นเดือนก.พ. โดยรายชื่อใครผ่านการตรวจสอบ ก็จะได้รับ และเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่ 1 มี.ค.66 เป็นต้นไป
ส่วนคนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ หากเห็นว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง คลังก็ยังเปิดโอกาสให้มีสิทธิอุทธรณ์ได้ ซึ่งหากอุทธรณ์แล้วผ่านก็จะได้รับสิทธิย้อนหลังด้วย ส่วนสวัสดิการที่จะมอบให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่จะมีการปรับแตกต่างจากเดิมแน่นอน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่ โดยจะต้องดูความเหมาะสมของงบประมาณ จำนวนผู้ได้รับสิทธิ และความจำเป็นที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ก็กำลังพิจารณาแนวทางการถ่ายโอนสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐของผู้ได้รับสิทธิบัตรในปัจจุบันไปสู่การได้รับรอบใหม่ เพราะบัตรเดิมจะสิ้นสุดอายุในช่วงสิ้นเดือนก.พ.นี้ และบัตรใหม่จะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่1 มี.ค.นี้ แต่รูปแบบจะไม่มีการจัดทำเป็นบัตรสวัสดิการ แต่จะให้ใช้บัตรประชาชนแทนได้เลย จึงจะต้องมีการนำข้อมูลของผู้ได้สิทธิเดิมเข้าไปยังบัตรใหม่ด้วย