“เวียดนาม” หั่นโหดซื้อไฟต่ำ BGRIM-GUNKUL ลั่น! ใครไม่ไหวพร้อมเสียบแทน
“เวียดนาม” หั่นโหดราคารับซื้อไฟฟ้าทดแทนที่ยังค้างท่อจ่ายไฟฟ้าไม่ทัน “โซลาร์ฟาร์ม” ราคารับซื้อต่ำแค่ 1.66 บาท “วินด์ฟาร์ม” สูงสุดแค่ 2.54 บาท ทำผู้ประกอบการกระอักเลือด BGRIM-GUNKUL ประกาศเปรี้ยง! ถือเป็นโอกาส โครงการไหนทำไม่ไหวพร้อมเข้าเสียบแทน
จากกรณีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประกาศใช้กรอบราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) และโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ว่ายังไม่มีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) หรือจ่ายไฟฟ้าไม่ทันตามกำหนด (กลุ่มโรงไฟฟ้าค้างท่อ) ถือว่าเป็นการปรับราคารับซื้อลงต่ำมาก
เริ่มจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ราคาสูงสุด 5.02 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (ประมาณ 1.66 บาท), โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำ ราคาสูงสุด 6.39 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (ประมาณ 2.11 บาท), โรงไฟฟ้าพลังงานลมติดตั้งบนบก ราคาสูงสุด 6.72 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (ประมาณ 2.22 บาท) และโรงไฟฟ้าพลังงานลมติดตั้งนอกชายฝั่ง ราคาสูงสุด 7.69 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (ประมาณ 2.54 บาท)
แหล่งข่าวจากบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า จากกรณีดังกล่าวน่าจะทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เพราะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน จึงเป็นโอกาสของบริษัทที่จะเข้าไปรับซื้อโรงไฟฟ้าส่วนค้างท่อดังกล่าวเพื่อมาดำเนินการต่อ แต่จะต้องดูอย่างละเอียดรอบคอบในแต่ละโครงการ
ทั้งนี้ BGRIM มีจุดเด่นเรื่อง EPC Financing ทำให้มีต้นทุนการดำเนินงานต่ำมาก ทำให้แม้ว่าเวียดนามปรับลดราคารับซื้อไฟฟ้าลง แต่ผลตอบแทนถือว่าคุ้มค่าเพียงพอที่จะลงทุนได้
นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อเข้าซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์มที่เวียดนามเพิ่ม หลังจากผู้ประกอบการจีนเตรียมทยอยขายหลายโครงการ เพราะโครงการชุดแรกรัฐบาลจีนให้การสนับสนุน โดยพบว่าผู้ประกอบการจีนไม่อยู่ยาว เน้นการพัฒนาแล้วขายอุปกรณ์ภายใน 3 ปี
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการโซลาร์ฟาร์มเวียดนามที่บริษัทถือหุ้น 100% แล้ว 4 โครงการ อยู่ระหว่างการเจรจาประมาณ 5-6 โครงการ รวมทั้งมีผู้มาเสนออีกประมาณ 3-4 ราย ดังนั้นบริษัทจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยต้องส่งทีมเข้าไปศึกษา เพราะหากยิ่งขายราคาถูกก็ยิ่งต้องดูอย่างละเอียด เนื่องจากมาร์จิ้นเริ่มบางลง
สำหรับเงินลงทุนบริษัทมีความพร้อมหลังจากปี 2565 บริษัทได้เคลียร์หนี้ จ่ายหุ้นกู้ทั้งหมด ส่งผลให้ D/E จากเดิม 2.7 เท่า ตอนนี้เหลือเพียง 0.9 เท่า ทำให้มีกรอบที่จะออกหุ้นกู้ใหม่ได้อีก 9,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าลงทุนโครงการใหม่เพิ่ม
ขณะที่ โครงการในประเทศไทย ล่าสุดคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 5,203 เมกะวัตต์ พบว่ามีผู้สนใจยื่นเข้ามามากถึง 4 เท่า หรืออยู่ที่ประมาณ 20,000 เมกะวัตต์ ซึ่ง GUNKUL ร่วมเสนอโครงการด้วยเช่นกัน ทั้งโซลาร์และวินด์ฟาร์ม แบ่งเป็นวินด์ฟาร์ม 4 โครงการ และโซลาร์ฟาร์มจำนวน 10 โครงการ กำลังผลิตรวม 1,200 เมกะวัตต์ ส่วนผลจะออกมาอย่างไรนั้น ต้องรอทางกกพ.ประกาศผลผู้ชนะวันที่ 15 มีนาคมนี้
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า จากกรณีรัฐบาลเวียดนามปรับลดราคารับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทน ประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมนั้น ยืนยันว่าโครงการของบริษัทที่มีในเวียดนามไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ได้แก่ โซลาร์ฟาร์ม ขนาด 34.8 เมกะวัตต์ และวินด์ฟาร์ม ขนาด 48 เมกะวัตต์ เนื่องจากจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วตั้งแต่ปี 2564 จึงไม่เกี่ยวกับราคารับซื้อใหม่ดังกล่าว
ขณะที่ ผลการดำเนินงานปี 2566 คาดว่าจะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เมื่อเทียบปี 2565 ที่คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบปี 2564 รายได้รวมอยู่ที่ 2,619.48 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 859.01 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2565 จะเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะเป็นช่วงที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทรงตัวในทุกประเทศ ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล