ลุยเปิดแบรนด์ “อาหารเสริม” ของตัวเอง DOD คาดปี 66 เทิร์นอะราวด์

DOD คาดปีนี้เทิร์นอะราวด์พลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ เตรียมเข้าซื้อบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พร้อมเปิดตัวสินค้าแบรนด์ของบริษัทเอง (Own Brand) ประเดิมผลิตภัณฑ์ “คอลลาเจน” เป็นตัวแรก


นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ถึงทิศทางธุรกิจในปี 2566 ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเข้าซื้อกิจการบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง และเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดอยู่แล้ว เพื่อขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง (Own Brand) โดยบริษัทดังกล่าวมีฐานรายได้ที่มั่นคงสม่ำเสมอ และปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเจรจาต่อรองราคา เบื้องต้นมองว่าราคาเข้าซื้อกิจการค่อนข้างเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของกิจการ (Due diligence) เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทยังมีแผนขยายตลาดในส่วนของ Own Brand มากขึ้น จากเดิมที่เป็นการรับจ้างผลิต (OEM) เป็นส่วนใหญ่ โดยเบื้องต้นจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Own Brand อย่างน้อย 3-4 รายการ (SKUs) ซึ่งในเดือน มีนาคม 2566 จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์คอลลาเจนเป็นตัวแรก ส่วนการรับจ้าง OEM บริษัทมีแผนเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ใช้ขั้นปลาย (End user) เอ็นยูสเซอร์มากขึ้น จากเดิมที่เน้นกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม หรือกลุ่มลูกค้ารายใหญ่

สำหรับธุรกิจกัญชง-กัญชานั้น บริษัทมีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่องในอนาคต โดยมองว่าในปี 2566 เมื่อกฎหมายต่างๆ เริ่มนิ่งแล้ว หรือกฎหมายผ่านมติสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์ปลายน้ำของผู้ประกอบการหลายรายออกมาสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่ง DOD มีลูกค้าอยู่ในพอร์ตค่อนข้างเยอะ และมีกำลังการผลิตที่เพียงพอโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม

ส่วนกรณีที่กฎหมายไม่ผ่านมติสภาก็จะกระทบต่อไม่มาก เนื่องจาก DOD มีการวิจัยและพัฒนาสูตรยา หรือการยืดหยุ่นขยับไปสู่ผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์ และโรงงานสกัดสารสกัด ภายใต้บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด ของ DOD เป็นเพียงเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ได้ใบอนุญาตในการผลิตยา ภายใต้มาตรฐาน GMP/Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme (PIC/S) ซึ่งเป็นมาตรฐานโรงงานผลิตยา ตามมาตรฐานสากล จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

นายต่อลาภ ยังมั่นใจว่า บริษัทมีความเติบโตของรายได้ของปีนี้ จะมากกว่าปี 2565 และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ เนื่องจากได้มีการปรับโครงสร้างภายในได้อย่างมีระบบที่ลงตัวแล้ว บวกกับการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก และการเข้าควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) ที่จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตแบบก้าวกระโดด

Back to top button