เปิดโผ 20 หุ้นพื้นฐานดี! “กำไรต่อหุ้น” ปี 66 แกร่ง ชู MINT โต 671%
เปิดโผ 20 หุ้นพื้นฐานดี คาดปี 66 โชว์ EPS Growth แกร่ง สูงสุด MINT เติบโต 671% รองลงมา CENTEL เติบโต 415% ขณะที่ ERW-PTTGC-AOT เทิร์นอะราวด์ ส่วน SAPPE อัพไซด์สูงสุด 30%
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกดูเหมือนว่าลดระดับความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถอดถอยมากยิ่งขึ้น ผลดังกล่าวจะช่วยผลักดันต่อเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง สะท้อนจากข้อมูลของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่าเตรียมทบทวนประมาณการณ์ GDP ในปี 2566 ของไทยที่อาจขยายตัวได้ราว 3.5-4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ซึ่งเดิมประเมินไว้เพียง 3-4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน
สำหรับ GDP ของไทยที่ขยายตัวดีขึ้นคาดว่าอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น จากภาคการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงมีฐานะการเงิน-การคลังของไทยค่อนข้างมีความแข็งแกร่ง โดยกระทรวงการคลังเผยการจัดเก็บรายได้สุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.–ธ.ค. 2565) จำนวน 6.3 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าคาด 13.2% กว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 13.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากทั้งนโยบายการคลังที่ดีขึ้น และการเงินที่ผ่อนคลายลงตามลำดับ
โดยประเด็นดังกล่าวบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดว่าทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น และแนะกลยุทธ์การลงทุนในปี 2566 ว่ากลุ่มหุ้นที่เติบโตแรงน่าจะได้รับความน่าสนใจในการลงทุนมากขึ้น หลังความกังวลประเด็นเศรษฐกิจถอดถอยในต่างประเทศผ่อนคลายลง บวกกับการใช้นโยบายการเงินที่เข้มข้นของหลายๆ ประเทศเริ่มเบาลง
ทั้งนี้ จึงทำการคัดเลือกหุ้นพื้นฐานดี อยู่ในกลุ่มกําไรเติบโตเด่นในปี 2566 ได้แก่ CENTEL, ERW, PYLON, STEC, CK, III, BEM, AOT, ONEE, PLANB, MAJOR, PTTGC, CPALL, RS, SAPPE, M, MINT, ADVANC, SAWAD และ JMT นอกจากนี้ยังมีตัวเลขของคาดการกำไรต่อหุ้นและอัพไซด์ให้นักลงทุนไล่เก็บดูจากตารางประกอบ
ทั้งนี้ผลดังกล่าวประเมินจากการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริหารมีความสามารถในการบริหารกิจการแล้วสร้างผลกำไรได้ดีในส่วนของปี 2566 จากการประเมินเรียงจากมากไปหาน้อยพบว่า บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT คาดว่ากำไรต่อหุ้นเติบโต 671% ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานปิด ณ วันที่ 24 ม.ค. 2566 ที่ระดับ 33.25 บาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 38.00 บาท ยังเหลืออัพไซด์ 14.29%
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL คาดว่ากำไรต่อหุ้นเติบโต 415% ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานปิด ณ วันที่ 24 ม.ค. 2566 ที่ระดับ 51.75 บาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 54.00 บาท ยังเหลืออัพไซด์ 4.35%
บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS คาดว่ากำไรต่อหุ้นเติบโต 82% ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานปิด ณ วันที่ 24 ม.ค. 2566 ที่ระดับ 16.60 บาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 19.70 บาท ยังเหลืออัพไซด์ 18.68%
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR คาดว่ากำไรต่อหุ้นเติบโต 82% ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานปิด ณ วันที่ 24 ม.ค. 2566 ที่ระดับ 18.50 บาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 21.80 บาท ยังเหลืออัพไซด์ 17.84%
บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ คาดว่ากำไรต่อหุ้นเติบโต 56% ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานปิด ณ วันที่ 24 ม.ค. 2566 ที่ระดับ 58.00 บาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 65.00 บาท ยังเหลืออัพไซด์ 12.07%
ส่วนบริษัทคาดว่ากำไรต่อหุ้นเทิร์นอะราวด์ในปี 2566 อย่าง บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานปิด ณ วันที่ 24 ม.ค. 2566 ที่ระดับ 4.78 บาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 5.10 บาท ยังเหลืออัพไซด์ 6.70% ส่วนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานปิด ณ วันที่ 24 ม.ค. 2566 ที่ระดับ 75.25 บาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 80.00 บาท ยังเหลืออัพไซด์ 6.32% และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานปิด ณ วันที่ 24 ม.ค. 2566 ที่ระดับ 51.00 บาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 56.00 บาท ยังเหลืออัพไซด์ 9.81%