“กทม.“ เร่งผลักดัน “เมล์ EV” หวังแก้ปัญหา PM 2.5
“กทม.” เดินหน้าผลักดันรถเมล์ EV ในกทม. หวังแก้ปัญหา PM 2.5 และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถเดินทางด้วยรถโดยสารที่มีสภาพดี ปลอดภัย และที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ.66 แสดงความเห็นด้วยกับ ส.ก. พรรคก้าวไกล ที่จะยื่นญัตติต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร ในการผลักดันให้รถเมล์ที่วิ่งในกทม.ต้องเป็นรถไฟฟ้า (EV) โดยระบุว่า อยากสนับสนุนญัตตินี้ เพราะต้องการให้ชาวกรุงเทพฯ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถเดินทางด้วยรถโดยสารที่มีสภาพดี ปลอดภัย และที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของกรุงเทพมหานครอาจจะยังมีอำนาจหน้าที่ตามข้อบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องไม่ครอบคลุม และไม่สามารถดำเนินการได้ในทันที ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานเลขานุการสภากทม. อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อให้คณะกรรมการสามัญประจำสภากรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ได้ศึกษาและหาแนวทางเพื่อพิจารณาปรับปรุงข้อบัญญัติในส่วนอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของ กทม.ต่อไป
“ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM.2.5 เป็นประเด็นสำคัญที่คณะกรรมการวิสามัญพิจารณางบฯ ให้ความสำคัญ และได้ตั้งข้อสังเกตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ กทม.มาโดยตลอด แต่ปัญหาดังกล่าว ลำพังเพียงหน่วยงานของ กทม.อาจไม่สามารถแก้ไขได้ลุล่วง ด้วยอำนาจหน้าที่ของกทม. ในฐานะท้องถิ่นที่มีอยู่อย่างจำกัด จำเป็นต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอีกหลายหน่วยงาน ดังนั้นสภา กทม.จะเร่งทำการศึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมาย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของกทม.เกิดผลเป็นรูปธรรม ชัดเจนขึ้น” นายสุทธิชัย กล่าว
โดยก่อนหน้านี้ ส.ก. พรรคก้าวไกล ได้เปิดตัวกฎหมาย “รถเมล์อนาคต” โดยจะผลักดันให้ออกเป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร ที่จะกำหนดให้รถเมล์ที่วิ่งในกทม. ต้องเป็นรถไฟฟ้า (EV) ทั้งหมด มีระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่าน 7 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายลดฝุ่นละออง PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการรถเมล์ ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีผู้ใช้งานหลักล้านคน ซึ่งจะยื่นญัตติด้วยวาจาวันนี้ ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 4) พ.ศ. 2566