SVR เคาะราคาไอพีโอ 2.20 บ. พร้อมเทรด 8 ก.พ.นี้ ลุยอสังหาฯ แนวราบ

SVR แต่งตั้ง บล.โกลเบล็ก และบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นลีดอันเดอร์ไรท์เตอร์ พร้อมเคาะราคาขายไอพีโอราคาหุ้นละ 2.20 บ. เปิดจอง 31 ม.ค.66 และ 1-2 ก.พ.66 เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 8 ก.พ.66 กางแผนปี 66 ลุยพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ รองรับดีมานด์พุ่ง


นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ( Joint Lead Underwriter ) ของ บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า ล่าสุดได้มีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น ที่ระดับราคาหุ้นละ 2.20 บาท โดยกำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้น ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2566, วันที่ 1-2 ก.พ.2566 โดยคาดว่าหุ้น SVR จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566  หมวดกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ใช้ชื่อย่อ “SVR”

ทั้งนี้ สำหรับระดับราคา 2.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 13.93เท่า เทียบจากผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 – 30 ก.ย. 65 จากการมีโครงการที่รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกๆปี ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นจึงมองว่าระดับราคาดังกล่าวจึงเป็นราคาที่เหมาะสม

สำหรับหุ้น SVR เป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ที่น่าจับตา เนื่องจากศักยภาพความแข็งแกร่งของบริษัท ที่สามารถฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงแนวโน้มการเติบโตผลการดำเนินงานของ SVR  ที่มีโอกาสก้าวสู่ระดับ High Growth อย่างต่อเนื่องในอนาคต ภายใต้การขยายการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และจากการวางกลยุทธ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อที่อยู่อาศัยแนวราบทุกรูปแบบราคา 1 ถึง 7 ล้านบาท เป็นการสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง

โดยบริษัทมุ่งเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยบนพื้นที่ขนาดที่ดิน ต่อโครงการไม่เกิน 50 ไร่ เพื่อให้สามารถกระจายการพัฒนาโครงการได้ในหลากหลายพื้นที่ ที่มีความเหมาะสมกับความต้องการและไม่เกิดอุปทานส่วนเกิน ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงมั่นใจว่าหากเปิดให้มีการจองซื้อหุ้น SVR จะเป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ในหมวดอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

ส่วน นายธีรศักดิ์ ทวีปิยมาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ( Joint Lead Underwriter) กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น SVR  ในครั้งนี้ มีบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน รับหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมกันพร้อมทั้งยังมี บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Co-Underwriter)

สำหรับจุดเด่นของ SVR ต้องยอมรับว่า เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวราบน้องใหม่ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เข้ามาบริหารงานอย่างมืออาชีพ โดยมุ่นเน้นจุดขายภายใต้แนวคิด Best Smart Living ที่เป็นจุดแข็ง ทั้งแบบบ้าน ทำเลที่มีศักยภาพการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในราคาขายที่คุ้มค่า โดยนับตั้งแต่ปี 2562 – ปัจจุบัน มีการพัฒนาโครงการแล้ว 9 โครงการ แบ่งเป็นปิดการขายแล้ว 2 โครงการ, อยู่ระหว่างขาย 6 โครงการ และอยู่ระหว่างพัฒนา 1 โครงการ ซึ่งแต่ละทำเลที่ตั้งจะหลากหลายในทุกพื้นที่ อาทิ จังหวัดสมุทรปราการ บริเวณพื้นที่บางปู, ทำเลนิคมอุตสาหกรรม อย่างชลบุรีและระยอง รวมถึงอยู่ระหว่างการขยายไปในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้น

ทั้งนี้ มั่นใจว่าหุ้น SVR จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี พร้อมทั้งเชื่อว่าภายหลังการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน และความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทมีนโยบายบริหารจัดการอัตราหนี้สินต่อทุน ภายหลัง IPO ให้อยู่ในระดับ 2 : 1 เท่า หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับ SVR อย่างยั่งยืน ดังนั้นในฐานะ Joint Lead Underwriter มองว่าหุ้น SVR เป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่น่าจับ

ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมถึงจุดเด่นว่า SVR เป็นผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตสูง และเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ที่น่าจับตา เนื่องจากด้วยพฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยมีการปรับเปลี่ยน ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยแนวราบรอบกรุงเทพฯ ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยทุก Generation ประกอบกับด้วยวิสัยทัศน์ และ พันธกิจ ของSVR ที่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม สินค้าและบริการ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิตที่ลงตัว

ทั้งนี้ SVR มีการพัฒนาคุณภาพสินค้าบริการ และองค์กร ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการใส่ใจความต้องการของลูกค้าในทุกระดับราคา และทุก generation เพื่อสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับ ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และ พนักงานในองค์กร

นอกจากนี้ นายอรรถปวิทย์ มโนธรรมรักษา กรรมการผู้จัดการ SVR เปิดเผยว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจในการนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จ สำหรับเงินที่ SVR ระดมทุนได้ในครั้งนี้ คิดเป็นจำนวน 286 ล้านบาท ของมูลค่าหุ้นที่เสนอขาย โดยบริษัทจะนำไปลงทุน เพื่อต่อยอดการพัฒนาโครงการในอนาคตให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อขับเคลื่อนทุกโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในขณะนี้สู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทภายใต้การวางยุทธ์ศาสตร์ทางธุรกิจ ให้สอดรับกับแนวคิด “Best Smart Living” ดังนี้

1.) ทำเลที่ตั้งต้องเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ และใกล้รถไฟฟ้า (Smart Location)  2.) การออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่นำเอาความต้องการของผู้อยู่อาศัยมาเป็นที่ตั้ง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้พื้นที่ภายในบ้านได้อย่างคุ้มค่าและลงตัว (Smart Space) 3.) ราคาบ้านที่ลูกบ้านจ่ายไปต้องได้รับความคุ้มค่าอย่างสูงสุด (Smart Value) และ 4.) นวัตกรรมต่าง ๆ (Smart Home) ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ Lifestyle ทุก Generation เพื่อการใช้ชีวิตของลูกบ้านให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากปัจจัยในข้างต้น ทำให้ทุกโครงการของสิวารมณ์ “SVR” สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ส่งผลให้วันนี้ SVR เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่มีอัตราการเติบโตในการก้าวเข้าสู่ระดับ High Growth และพร้อมมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

สำหรับอสังหาริมทรัพย์แนวราบของบริษัทมีทั้งหมด 5 แบรนด์ ประกอบด้วย 1. สิวารมณ์ ซิตี้ ระดับราคา 1.7-3.0 ล้านบาท 2. สิวารมณ์ วิลเลจ ระดับราคา 2.5-5.0 ล้านบาท 3. สิวารมณ์ เนเจอร์ พลัส ระดับราคา 2.3-5.9 ล้านบาท 4. สิวารมณ์ ปาร์ค ระดับราคา 3.5-4.3 ล้านบาท และ 5. แกรนด์ สิวารมณ์ ระดับราคา 4.6-6.2 ล้านบาท

โดยบริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 9 โครงการ ได้แก่ สมุทรปราการ, ระยอง, ชลบุรี และในปี 2566 เริ่มจะเข้ามาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และพระราม 2  และมีจำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2,996 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพัฒนาและดำเนินการขาย ประกอบด้วย โครงการสิวารมณ์ ซิตี้ (นิคมพัฒนา-ระยอง), โครงการแกรนด์ บางปู, โครงการสิวารมณ์ วิลเลจ, โครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส (อัสสัมชัญ-ศรีราชา), โครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส (สุขุมวิท-บางปู 83) และโครงการสิวารมณ์ วิลเลจ อีกทั้งยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา มีทั้งหมด 1 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 686 ล้านบาท ทำเลที่ตั้งจังหวัดนนทบุรี

ส่วนโครงการที่สร้างและโอนเสร็จแล้ว มีจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมทั้งหมด 957 ล้านบาท ได้แก่ โครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส (บางปู 83) มูลค่าโครงการ 506 ล้านบาท และโครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (สุขุมวิท-บางปู) มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท

ขณะที่ในปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตสู่ระดับ High Growth อย่างยั่งยืนในอนาคต โดยโครงการดังกล่าว คาดว่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลโครงการอย่างชัดเจนในเร็วๆ นี้

Back to top button