CIG ทุ่ม 660 ล้าน เทกฯ “เจ หลิง โซลูชั่น” ต่อยอดธุรกิจบริหารโครงการก่อสร้าง
CIG ทุ่ม 660 ล้าน ซื้อกิจการ "เจ หลิง โซลูชั่น" สัดส่วน 100% ลุยต่อยอดธุรกิจบริหารการก่อสร้าง-สนับสนุนทางการเงินสำหรับโครงการก่อสร้าง
บริษัท ซี.ไอ.กรุ๊ป จากัด (มหาชน) หรือ CIG เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เจ หลิง โซลูชั่น จำกัด (JL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เจ หลิง โฮลดิ้ง จำกัด (JLH) จากนายสถาปัตย์ ภู่ทองคำ และ นางสาวดนิตา กุนทีกาญจน์(“กลุ่มผู้ขาย”) ซึ่ง ณ วันที่เข้าขออนุมัติการเข้าทำรายการเป็นนิติบุคคล หรือ บุคคลภายนอกที่ไม่มีความสัมพันธ์ ความเกี่ยวโยงใดๆ กับผู้บริหาร กรรมการ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จำนวน 10.50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100.00 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของกิจการเป้าหมายฯ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 660 ล้านลาท
โดยราคาหุ้นที่ซื้อขายจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังต่อไปนี้ 1.หุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วเต็มมูลค่าหุ้นละ 10.00 บาท (สิบบาทถ้วน) จำนวน 500,000 หุ้น (ห้าแสนหุ้น) ราคาขายต่อหุ้น220 บาท (สองร้อยยี่สิบบาทถ้วน) รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 110 ล้านบาท และ 2. หุ้นสามัญที่ออกและชำระไม่เต็มมูลค่าโดยชำระขั้นต่ำหุ้นละ 2.50 บาท จำนวน 10 ล้านหุ้นราคาขายต่อหุ้น 55 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 550 ล้านบาท
ทั้งนี้กิจการเป้าหมายฯเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทยมีทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วทั้งสิ้น 30 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 28.57 ของทุนจดทะเบียนของกิจการเป้าหมายฯ โดยบริษัทฯ ยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุนชำระแล้วในกิจการเป้าหมายฯ ในปัจจุบัน) โดยที่กิจการเป้าหมายฯ มีธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจบริหารการก่อสร้างและสนับสนุนทางการเงินสำหรับโครงการก่อสร้าง ซึ่งหลังจากการทำธุรกรรมนี้แล้วกิจการเป้าหมายฯ จะกลายเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
ทั้งนี้บริษัทฯในฐานะผู้ซื้อตกลงจะทำสัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) ให้กับกลุ่มผู้ขายพร้อมตกลงให้ค่าตอบแทนตามผลการดำเนินงานร้อยละ 30.00 ของกำไรก่อนหักภาษี (Operational Profit before Corporate Tax) ของกิจการเป้าหมายฯ เป็นรายไตรมาส
สำหรับแหล่งเงินทุนสาหรับการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ JL จำนวน 660 ล้านบาท จะมาจากกระแสเงินสดจาก การออกและเสนอขายหุ้นสามัญ และ การออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering)
ทั้งนี้บริษัทเป้าหมายฯถูกจัดตั้งขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเปิดเป็นลักษณะของกิจการร่วมค้า1 (Joint Venture) ที่ก่อตั้งร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อดำเนินโครงการขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศอีกหลายแห่ง เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ อาทิเช่น โครงการก่อสร้างและวางเครือข่ายโทรคมนาคม โครงการก่อสร้างโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โครงการก่อสร้างโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานอื่นทั่วไป โครงการพลังงานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และการสนับสนุนด้านวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับหน่วยงานภาครัฐ และ/หรือ โครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ภายใต้พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกที่ให้การสนับสนุนทั้งด้านเทคโนโลยี งานวิศวกรรม และด้านการเงินเพื่อสนับสนุนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าธุรกรรมฯ จะเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลา 120 วันหลังจากได้รับอนุมัติรายการ โดยสามารถขยายเวลาการดำเนินการเข้าทำธุรกรรมได้ภายใต้ความยินยอมของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย
อนึ่ง เจ หลิง โซลูชั่น เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เจ หลิง โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งมีนายสถาปัตย์ ภู่ทองคำ เจ้าของ บริษัท จรณ์ เพาเวอร์ ไอเดีย จำกัด ถือหุ้น 50% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และนางสาวดนิตา กุนทีกาญจน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนของกลุ่มทุนหนึ่งซึ่งรวมนักลงทุนในภูมิภาคอาเซียนไว้ด้วยกันหลายประเทศ ซึ่งขอเรียกชื่อรวมๆ ว่า “กลุ่มทุน SHENTON ONE” ถือหุ้นอีก 50% ซึ่งในอนาคตคาดว่ากลุ่มทุน SHENTON ONE นี้จะเข้าถือหุ้นใน บริษัท เจ หลิง โฮลดิ้ง จำกัด โดยที่ JONN Power Idea เป็นผู้เชี่ยวชาญในการก่อสร้างและจัดการธุรกรรมการจัดซื้อจัดจ้างด้านวิศวกรรมการจัดการการก่อสร้างพร้อมการสนับสนุนทางการเงิน (Engineering Procurement Construction Management with Financing : EPCM+F) ) ในระดับภูมิภาค โดยมีผู้ร่วมสนับสนุนโครงการต่างๆ อาทิ Tokyo Sangyo Thailand ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Mitsubishi
ส่วนกลุ่มทุน SHENTON ONE นำโดย Mr. Michael Lim เป็นกลุ่มทุนหนึ่งซึ่งรวมนักลงทุนในภูมิภาคอาเซียนไว้ด้วยกันหลายประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดให้มีกองทุน Variable Capital Companies (VCC) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลสิงคโปร์ สามารถสนับสนุนการลงทุนทั้งแบบปลายเปิด ปลายปิด และแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้กลุ่มทุน SHENTON ONE ยังมีพันธมิตรบริษัทระดับภูมิภาคอาเซียนอีกมากมาย และยังได้รับความร่วมมือจากนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างๆ จากทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อวางกลยุทธ์ที่เพิ่มมูลค่าและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้น และบริษัทพันธมิตร