JKN ปรับแผนเพิ่มทุนใหม่ 589 ล้านหุ้น ลด RO เพิ่มขาย PP
JKN ปรับแผนเพิ่มทุนใหม่ 589 ล้านหุ้น ปรับสัดส่วนเพิ่มทุน RO เป็น 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคา 3 บาท พร้อมปรับขาย PP ราคา 4.50 บาท เพื่อลดผลกระทบ Dilution
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า บริษัทขอแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2566 ประชุมเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งได้พิจารณายกเลิกมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่1/2566 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) และเพื่อรองรับการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของ JKN ครบกำหนดปี พ.ศ. 2568 ที่ออกให้แก่ North Haven Thai Private Equity Gemini Company (Hong Kong) Limited (“หุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE”)
รวมถึงพิจารณาอนุมัติยกเลิกการประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว และยกเลิกวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date)รวมถึงพิจารณาอนุมัติยกเลิกการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ซึ่งจะจัดขึ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว และ ยกเลิกวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date)
เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์ที่จะปรับอัตราส่วนการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering)จากเดิมอัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 1 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน เป็น 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อลดผลกระทบด้าน Dilution
อีกทั้งภายหลังจากการจัดงานประกวด Miss Universe ปี 2022ที่นิวออลีนส์ ที่ผ่านมา บริษัท ได้รับกระแสตอบรับที่ดี ทั้งในด้านจำนวนผู้รับชมทั่วโลก และ Partner ทางธุรกิจที่ติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพในการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สในปี 2023 –2025 ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ลงนามสัญญากับประเทศเอลซัลวาดอร์ เพื่อให้สิทธิในการเป็นเจ้าภาพการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส สำหรับปี 2023 แล้ว
ส่วนเจ้าภาพการจัดประกวดสำหรับปี 2024-2025 อยู่ระหว่างรอลงนามสัญญา เป็นผลทำให้บริษัทได้รับการติดต่อจากนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนในบริษัท โดยบริษัทมีความประสงค์จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ให้แก่นักลงุทนรายดังกล่าว ซึ่งจะยิ่งส่งผลให้บริษัทมีสภาพคล่องและกระแสเงินสดคงเหลือเพียงพอสำหรับรองรับการชําระคืนเงินกู้และการต่อยอดธุรกิจ ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นว่าควรยกเลิกมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่1/2566 เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 และพิจารณาการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ใหม่
นอกจากนี้ยังมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน294,648,761.50 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 509,831,363.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 804,480,124.50 บาทโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 589,297,523 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทท เพื่อจัดสรรดังนี้
1.เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) โดยจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 510,043,387 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ในอัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีราคาเสนอขายหุ้นละ 3.00 บาท
2.เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) โดยมีการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 66,666,666 หุ้น ให้แก่ บริษัท ยูนิสเตรทช์ จํากัด โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 4.50 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 300,000,000 บาท
3.รองรับการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE โดยมีการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 12,587,470 หุ้น รวมถึงหุ้นส่วนที่เหลือและหุ้นส่วนเกินที่ออกเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (RightsOffering) เพื่อรองรับการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE
ทั้งนี้มติดังกล่าวได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 และอนุมัติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 14 มีนาคม 2566
อนึ่งมติเดิมที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2566 ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 15 ก.พ. 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 509,958,648 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 509,831,363 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,019,790,011 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,019,917,296 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering : RO) และรองรับการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของ JKN ครบกำหนดปี 2568 ที่ออกให้แก่ North Haven Thai Private Equity Gemini Company (Hong Kong) Limited (หุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE) ตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562
สำหรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,019,917,296 หุ้นดังกล่าว จะแบ่งจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวนไม่เกิน 1,019,790,011 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ (RO) ในอัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีราคาเสนอขายหุ้นละ 3 บาท ส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลืออีกจำนวนไม่เกิน 127,285 หุ้น รวมถึงส่วนที่เหลือจากการเสนอขายให้แก่ RO เพื่อรองรับการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE