จับตา ครม.เคาะ “ปรับค่าแรง” 17 กลุ่มอาชีพเฉพาะทาง

การประชุมคณะรับมนตรีในวันนี้ต้องจับเรื่องการขออนุมัติของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่จะขอโครงการเก็บเงินค่าเหยียบแผ่นดินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ขณะเดียวในส่วนของกระทรวงแรงงานจะเสนอให้มีการปรับค่าแรงในกลุ่ม 17 อาชีพ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (31 ม.ค.66) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในที่ประชุม มีวาระสำคัญที่หลายหน่วยงานเตรียมขอเสนออนุมัติต่อที่ประชุม อาทิ กระทรวงแรงงาน จะเสนอขอปรับอัตราค่าแรงในกลุ่ม 17 อาชีพ ในอัตรา 400-700 บาท แต่จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการรับรองกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานแล้วเท่านั้น ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2555 คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 18-21 ได้กำหนดอัตราค่าแรงตามมาตรฐานฝีมือแรงไปแล้ว จำนวน 112 สาขา

นอกจากนี้ยังมี กระทรวงพาณิชย์ เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ทรายเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร เสนอขยายอายุบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการดำเนินการ กับมาตรการที่มิใช่ภาษี สำหรับสินค้าจำเป็นภายใต้แผนปฏิบัติการฮานอย ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของอาเซียนให้เข้มแข็ง ในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และการขยายบัญชีรายการสินค้าจำเป็น

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐ พ.ศ.2565 ขออนุมัติโครงการให้บริการ 5G สำหรับลูกค้าองค์กร ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สำหรับรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ท. ส่วนกลาง

กระทรวงการคลัง ขอความเห็นชอบให้การยาสูบแห่งประเทศไทยปรับปรุงบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานโดยการปรับขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นสูงของพนักงาน ตามบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือน ระบบ 53 ขั้น

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอโครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางสาธารณะของภาคเอกชน หรือ รถร่วมบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นรถโดยสารประจำทางไฟ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์

นอกจากนี้ ยังต้องจับตาท่าทีทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล ต่อการเตรียมรับมืออภิปรายทั่วไป รวมถึงการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งใหญ่ หลัง กฎหมายลูก 2 ฉบับ มีผลใช้บังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) เมื่อสัปดาห์ก่อน พิจารณาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พ.ศ. …. รวม 2 ฉบับ คือ 1.การเก็บค่าธรรมเนียมทางอากาศ 2.การเก็บค่าธรรมเนียมทางบก และทางน้ำ จนได้ข้อสรุปร่วมกันและเสนอที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ หากครม.ไม่มีข้อทักท้วง หรือข้อสั่งการเพิ่มเติมกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะนำร่างดังกล่าวไปประกาศตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมมี ผลบังคับใช้ได้ตามกำหนดคือประมาณกลางปี 2566 ส่วนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทางอากาศยาน มีสาระสำคัญ คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยโดยอากาศยาน ต้องชำระค่าธรรมเนียมคนละ 300 ต่อคนต่อครั้ง แต่จะยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมกับผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทย ผู้ควบคุมและเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยาน ทารกและเด็กอายุไม่เกิน 2 ขวบ และบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยโดยผ่านด่านช่องทางบก ช่องทางน้ำ ต้องชำระค่าธรรมเนียมคนละ 150 ต่อคนต่อครั้ง

Back to top button