จับตา! บอร์ด “อีวี” หารือมาตรการอุดหนุนผลิต “แบตเตอรี่” วันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานระบุว่า วันนี้ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13:00 น. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้า (บอร์ดอีวี) เพื่อพิจารณา มาตรการส่งเสริมแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (แบตอีวี) ในฝั่งของผู้ผลิต หรือนักลงทุน  โดยจะมีการกำหนดวงเงินอุดหนุนให้กับผู้ผลิตแบตเตอรี่อีวี ที่มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งการอุดหนุนในลักษณะดังกล่าวยังไม่เคยมี จะมีเพียงการอุดหนุนในฝั่งของผู้ซื้อเท่านั้น

ทั้งนี้หากสามารถทำได้จริงจะส่งผลให้ราคาผลิตแบตเตอรี่อีวีถูกลง และมีผลต่อราคารถอีวีที่จะถูกตามมาเช่นกัน จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดการใช้และการผลิตรถอีวี แบบครบวงจรตามเป้าหมายและนโยบายของรัฐบาลได้ไม่ยาก

อย่างก็ดี แม้ว่าเครื่องมือในการให้เงินอุดหนุน ยังไม่ชัดเจนว่าจะมาจากส่วนใด แต่ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มี “กองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย” วงเงิน 10,000 ล้านบาทอยู่ อาจมีการพิจารณาในส่วนนี้เข้ามา และที่ผ่านมาผู้ผลิตแบตรถอีวี ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอจำนวนมาก อย่าง บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ BYD คือโครงการที่ 24 เป็นรายล่าสุด และยังมีนักลงทุนอีกหลายรายรอมาตรการดังกล่าว เพื่อเดินหน้าแผนการลงทุนต่อ   ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา มีบริษัทที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ และได้รับการอนุมัติแล้ว 24 โครงการ เงินลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)  วิเคราะห์ว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) จะมีจิตวิทยาบวกต่อผู้ที่มีโอกาสได้ประโยชน์และได้รับอานิสงส์จากการออกมาตรการหากรัฐบาลให้การสนับสนุนในครั้งนี้ อาทิ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC  ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมี บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA  ที่ดำเนินธุรกิจหลักในกลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจพัฒนาผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่   ธุรกิจบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และร่วมกันพัฒนาและบริหารจัดการแพลตฟอร์มกลางของสถานีอัดประจุไฟฟ้า เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH ดำเนินธุรกิจอีเอ็มเอสเป็นส่วนงานที่ทำการจัดหา ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งงานสั่งผลิตและอุปกรณ์ทั่วไป และ ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ โซลูชั่นส์ ขณะเดียวกันเมื่อไม่นานก็เพิ่งจะมีการปิดตัว “กิ้งก่า EV” เป็นตู้เติมเงินเพื่อให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 2/2566

ขณะที่ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ที่ถือเป็น บริษัทในเครือของ FORTH โดยให้บริการเติมเงินโทรศัพท์มือถือประเภทเติมเงินล่วงหน้า และบริการชำระเงินออนไลน์ ผ่านเครื่องรับชำระเงินอัตโนมัติ ที่มีส่วนเรื่องการวางแผนให้บริการตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EVCharger) ภายใต้ชื่อแบรนด์ กิ้งก่า EV เช่นกัน

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR บริษัทประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วหลังจากที่เคยลงนามความมือกันกับ  การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีในหุ้นกลุ่มนิคมเพราะจะมีบริษัทต่างๆเข้ามาตั้งรากฐานการผลิต ดังนั้นหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ได้แก่  บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ที่ประกอบธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีบริษัทในกลุ่มดำเนินธุรกิจด้านสาธารณูปโภค รวมไปถึงกระแสไฟฟ้า และจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ  และ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA  ที่ทำธุรกิจให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านโลจิสติกส์  อีกทั้งมีธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม รวมถึงธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจให้บริการด้านดิจิทัล