“นายก” ปลื้มต่างชาติเชื่อมั่นไทย ประเทศน่าลงทุน
นายกรัฐมนตรี พอใจผลการประเมินรายงานธุรกิจของ “บ.แกรนท์ ธอนตัน” โดยพบว่าต่างชาติยังให้ความเชื่อมั่นประเทศไทยในการที่จะเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 6 ก.พ.66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบ รายงานธุรกิจระหว่างประเทศในช่วงครึ่งหลังปี 2565 จาก บริษัท แกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทย (The Grant Thornton International Business Report) ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีกับผลของรายงานฯ ที่ระบุว่าภาคธุรกิจต่างชาติให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนและย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งไทยมีปัจจัยรอบด้านที่เอื้อต่อประสิทธิภาพในการลงทุน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน การอยู่อาศัย ซึ่งมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
สำหรับรายงานธุรกิจระหว่างประเทศในช่วงครึ่งหลังปี 65 ของบริษัท แกรนท์ ธอนตันฯ ซึ่งเป็นบริษัทให้คำแนะนำและคำปรึกษาด้านธุรกิจ ได้สำรวจธุรกิจขนาดกลางกว่า 5,000 ธุรกิจ ใน 30 กว่าประเทศทั่วโลก พบว่า ธุรกิจไทยเป็นผู้นำของโลกด้านสถานภาพทางธุรกิจ โดยดัชนีขึ้นถึงระดับ 8.8 จากเดิม 3.8 ในช่วงครึ่งแรกของปี 65 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี ที่สภาพธุรกิจของประเทศไทยมีปัจจัยบวกอย่างต่อเนื่อง และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้งยังมากกว่าหลายประเทศที่เป็นคู่แข่งในกลุ่มที่เป็นฐานการลงทุน ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจที่เคยไปลงทุนในประเทศเหล่านั้นย้ายกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
อีกทั้งรายงานยังระบุว่า มุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อไทย ทั้งความท้าทายทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ ราคาพลังงานที่สูงขึ้น รวมถึงการเลือกตั้งทั่วไปของไทยที่จะเกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย โดยนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในปัจจุบันซึ่งพบว่า ไทยมีความโดดเด่นในสายตานักลงทุนหลายด้าน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ฐานซัพพลายเชนที่ดีที่สุดในภูมิภาค โดยเฉพาะผู้ผลิตวัตถุดิบและชิ้นส่วนรองรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ บุคลากรมีขีดความสามารถ สิทธิประโยชน์ที่แข่งขันได้
นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ มีความมั่นคงปลอดภัยสูง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่าง ๆ การบริหารจัดการวิกฤตโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพและภาคธุรกิจยังสามารถฟื้นตัวได้ดีภายหลังจากการเปิดประเทศ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียินดีเป็นอย่างยิ่งกับผลของรายงานฯ และข้อมูลของหลายหน่วยงานที่สอดคล้องกัน ว่าแม้โลกเผชิญกับความท้าทาย ประเทศไทยยังเป็นจุดสนใจสำคัญ มีความโดดเด่น และศักยภาพที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุน ทำให้นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นที่จะขยายการลงทุนในไทย สะท้อนถึงความสำเร็จของการทำงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่ได้วางโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมอำนวยความสะดวกต่อการค้า การลงทุน ภาคธุรกิจ และการเดินทางในประเทศ รวมถึงการดำเนินนโยบายด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายและมาตรการขับเคลื่อนต่าง ๆ ของรัฐบาล.