“บล.พาย” มอง SET สัปดาห์นี้ 1,670 – 1,700 จุด แนะเลี่ยงลงทุน “หุ้นอิเล็กฯ”

“บล.พาย” ประเมินสัปดาห์นี้กรอบ 1,670 – 1,700 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะสั้นให้ระมัดระวังหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ (HANA, KCE) ตามการปรับลงของ Nasdaq พร้อมแนะนำลงทุนหุ้น Defensive ชู TU ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท และ HMPRO ราคาเป้าหมาย 18 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi ระบุในบทวิเคราะห์ มองว่าตลาดหุ้น Dow Jones ปิดลบ 0.38% หลังจากสหรัฐฯรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรขยายตัวแข็งแกร่งกว่าตลาดประเมินไว้ส่งผลให้กังวลกับนโยบายการเงินขึ้นเข้มงวด ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ลดลง ถูกกดดันจากอุปสงค์ในจีนและดอกเบี้ยขาขึ้น

โดยสหรัฐฯรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 5.17 แสนรายสูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 1.93 แสนรายพร้อมกับอัตราการว่างงานที่ 3.4% ดีกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 3.6% องค์ประกอบภายในพบว่า Sector ที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะได้แก่ Private Service Providing, Retail Trade, Private education and health service, Leisure and Hospitality การเพิ่มขึ้นในแต่ละ Sector สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามข้อมูลในอดีตชี้ว่าในบางช่วงที่อัตราการว่างงานต่ำจะเป็นปัจจัยหนุนให้เงินเฟ้ออยู่ระดับสูงเนื่องจากอุปสงค์แรงงานยังแข็งแกร่งก็ถือเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิดเพราะหากเงินเฟ้อไม่ลงเหมือนที่ตลาดประเมินไว้ และ FED กลับมาใช้นโยบายการเงินตึงตัวอีกครั้งก็จะกดดันตลาดหุ้น ส่วนสัปดาห์นี้ติดตามเงินเฟ้อไทยในวันจันทร์ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 5.1% จากปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนที่ 5.9% จากปีก่อน หากลดลงตามที่ตลาดประเมินไว้หรือต่ำกว่าตลาดประเมินไว้ก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสไตรมาส 4/65 Bloomberg ประเมินไว้ว่า PSL, IRPC, KCE, ADVANC, TOP รายงานในสัปดาห์นี้ หากรายงานสูงกว่าตลาดประเมินไว้ก็จะเป็นบวกต่อหุ้นนั้นๆ และภาพรวมของการลงทุน ส่วนต่างประเทศติดตาม (1) ประธาน FED มีกำหนดแถลงให้ข้อมูลในวันพุธช่วงเที่ยงคืนก็จะทราบผลอย่างเป็นทางการเช้าวันพุธ ตลาดน่าจะไปจับตารอดูถ้อยแถลงด้านดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออีกครั้ง (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี Bloomberg ประเมินไว้ที่ 1.9 แสน

ทั้งนี้ด้วยภาคแรงงานสหรัฐฯที่ยังแกร่งประเมินตลาดหุ้นโลกจะเคลื่อนไหว Sideway – Sideway Down เพื่อรอดูเงินเฟ้อสหรัฐฯในวันที่ 14 ก.พ. รวมถึง SET INDEX จึงประเมินสัปดาห์นี้กรอบ 1,670 – 1,700 เชิงกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นระมัดระวังอิเล็กทรอนิกส์ (HANA, KCE) การปรับลงของ Nasdaq เป็นตัวกดดัน

ส่วนหุ้นแนะนำยังเน้น Defensive อาทิ โรงพยาบาล (BDMS) สื่อสาร (ADVANC) โรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH) ส่งออก (ASIAN, TU) ผลพวงค่าเงินบาทอ่อนค่า รวมถึง Domestic Play ที่ได้ประโยชน์ฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ ค้าปลีก (BJC, HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA) ร้านอาหาร (M)

สำหรับ TU แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท คาดไตรมาส 4/65 ของ TU มีกำไรสุทธิที่ 1,371 ล้านบาท (-23% จากปีก่อน, -46% จากไตรมาสก่อน) ผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงปลายไตรมาสทำให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากว่า 300 ล้านบาท ถ้าไม่รวมกำไรปกติอยู่ที่ 1,671 ล้านบาท (-10% จากปีก่อน, -7% จากไตรมาสก่อน) แม้ค่าเงินบาทโดยเฉลี่ยจะยังอ่อนกว่าปีก่อนอีก 9% ทำให้รายได้ยังคงเห็นการเติบโตได้เล็กน้อยมาอยู่ที่ 39,592 ล้านบาท (+3% จากปีก่อน, -3% จากไตรมาสก่อน) การลดลงจากไตรมาส 3/65 ผลฤดูกาล

ด้าน HMPRO แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.00 บาท คาดกำไร 4/22 ที่ 1.7 พันล้านบาท (-4% จากปีก่อน, +11% จากไตรมาสก่อน) ถูกกดดันจากต้นทุนสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น แต่คาดรายได้แตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์ หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 2% จากปีก่อน (HomePro +2.4%, Mega Home ทรงตัวจากปีก่อน HomePro Malaysia +12%) ขณะที่คาดว่ากำไรปี 66 จะทำจุดสูงใหม่ ผลจากการขยายสาขา Mega Home ในเชิงรุก การบริโภคที่ฟื้นตัวก่อนเลือกตั้ง

Back to top button