BAM มั่นใจปี 66 เข้าซื้อหนี้เสียเพิ่ม ดันกำไรทะลุ 3.5 พันล้าน
BAM มั่นใจปี 66 ฟื้นตัว ลั่นเข้าซื้อหนี้เสียเพิ่มวงเงิน 7 พันล้านบาท ดันกำไรปีนี้ทะลุ 3.5 พันล้านบาท โบรกแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสูงสุด 20 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 จะฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น หลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน บวกกับยอดจัดเก็บที่จะมีแนวโน้มดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในปีนี้บริษัทฯมีโอกาสซื้อหนี้เสียเพิ่มขึ้นราว 7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 อยู่ประมาณ 6.6 พันล้านบาท
โดยสถาบันการเงินได้ทยอยขายหนี้เสียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รับซองประมูลซื้อหนี้เสียคิดเป็น TOR อยู่ที่ 3 พันล้านบาท ส่วนระบบชำระเงินอัตโนมัติ (cash collection) ปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท จากก่อนหน้าในช่วงปี 2565 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้มากขึ้น และคงนโยบายการขายทรัพย์ NPA ในเชิงรุก
สอดคล้องจากบทวิเคราะห์ของ บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ได้มีการประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท และขยายตัวเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการเข้าซื้อหนี้เสียเพิ่มขึ้นราว 7 พันล้านบาท จากปี 2565 อยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท โดยมาจากสถาบันการเงินได้ทยอยขายหนี้เสียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รับซองประมูลซื้อหนี้เสียคิดเป็น TOR ที่ 3 พันล้านบาท
นอกจากนี้ในส่วนของระบบชำระเงินอัตโนมัติ (cash collection) เพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท จากช่วงปี 2565 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้มากขึ้น และคงนโยบายการขายทรัพย์ NPA เชิงรุก
ขณะเดียวกันต้นทุนเครดิต (credit cost) ลดลงเหลือ 4.7% ตามการรับชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
ขณะที่ประเมินการผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนแต่หดตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำรายได้จากธุรกิจ NPL ที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนลูกหนี้เงินผ่อนที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลงตาม cash collection ที่ดีขึ้น ขณะที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าตามปัจจัยฤดูกาล
อย่างไรก็ตามยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท โดยนักวิจัยประเมินว่า BAM ควรที่จะเทรด discount จากความเสี่ยงที่ยอดขาย NPA จะลดลงในช่วงที่สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และยังมี key catalyst จากโอกาสในการเข้าซื้อหนี้เสียที่เพิ่มในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า คาดในปี 2566 จะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น มาจากภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2565 แม้กำไรจะปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่การฟื้นตัวยังไม่เต็มที่เนื่องจากในช่วงต้นปียังถูกกดดันจากการปิดเมืองและการหยุดทำการของกรมบังคับคดี บวกกับยังมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อยู่ จึงทำให้นักวิจัยคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นในปี 2566
ทั้งนี้ คาดกำไรปี 2566 จะเติบโตได้ราว 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการลงทุนซื้อหนี้ที่จะมีแนวโน้มดีขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน บวกกับยอดจัดเก็บที่จะมีแนวโน้มดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจขณะที่การขาย NPA คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจเช่นกัน อีกทั้งบริษัทฯ ยังคงมีการทำโปรโมชั่นและออกบูธเพื่อกระตุ้นการขายอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการประเมินกำไรไตรมาส 4 ปี 2565 จะดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าตามฤดูกาล แต่อาจอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน คาดกำไรจะอยู่ที่ 368 ล้านบาท ดีขึ้น 21%จากไตรมาสก่อนหน้า แต่อ่อนตัว 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยคาดยอดจัดเก็บจาก NPL จะดีขึ้น 21% จากไตรมาสก่อนหน้าและ 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนหลักหากเทียบไตรมาสก่อนหน้ามาจากผลทางฤดูกาล บวกกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้น
ขณะที่เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรอ่อนตัวลงแม้ว่ายอดจัดเก็บจาก NPL จะดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากกำไรจากการขาย NPA อาจลดลง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แต่เนื่องจากในไตรมาส 4/2565 มีการขาย NPA ได้ค่อนข้างมาก ด้านการลงทุนซื้อ NPL และ NPA ของบริษัทฯ ใน ไตรมาส 4 ปี 65 คาดจะอยู่ที่ราว 4 พันล้านบาท ซึ่งกระเตื้องขึ้นจากช่วงก่อนหน้าตามฤดูกาล ทำให้ภาพรวมทั้งปีลงทุนไปแล้วราว 8 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่เคยตั้งไว้เมื่อต้นปีก่อนเล็กน้อยที่ 9 พันล้านบาท
อย่างไรก็ดียังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 20 บาท อิงวิธี DCF โดยระดับ Upside ยังคงน่าสนใจ ขณะที่คาดกำไรปี 2566 จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น