“โนมูระ” แนะซื้อ CHAYO เป้า 11 บ. มองกำไร Q4/65 ทะลุ 75 ลบ. ดันทั้งปี 243 ลบ.
“บล.โนมูระ พัฒนสิน” แนะนำ “ซื้อ” หุ้น CHAYO มองกำไรงวด Q4/65 โต 56% มาที่ 76 ล้านบาท หนุนทั้งปีแตะระดับ 243 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนะสิน ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อคาดการณ์กำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/65 ว่าอยู่ที่ระดับ 76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 116% จากไตรมาสก่อน
ด้าน Cash Collection อยู่ที่ระดับ 8.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน แนวโน้มดีต่อเนื่องจากทั้งฐานพอร์ตหนี้ที่ขยายตัว หลังจากทั้งปี 65 ซื้อหนี้เติมพอร์ตมูลค่าร่วม 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน (ใช้เงินลงทุน 2 พันล้านบาท) และการเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจสินเชื่อคาดโต 131% จากปีก่อน และเติบโต 8% จากไตรมาสก่อน ทยอยรับรู้รายได้อย่างมีนัยยะจากช่วงเริ่มธุรกิจไตรมาส 4/64 ปัจจุบันพอร์ตราว 900 ล้านบาท ปล่อยได้ตามเป้า คาดรับรู้กำไรจากการขาย NPA ราว 25 ล้านบาท สูงสุดรายไตรมาสจากการขายทรัพย์ขนาดเล็ก-กลาง ช่วงท้ายปี
ส่วนค่าใช้จ่ายคาด OPEX ยังทรงตัว ส่วนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยคาดเพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน จากหุ้นกู้ชุดล่าสุดออกเมื่อไตรมาส 2/65 จำนวน 1.8 พันล้านบาท ที่อัตราดอกเบี้ย 6% (เดิม 5.7%) พร้อมคาดค่าใช้จ่าย ECL Provision ยังคงเพิ่มขึ้นสูง 58% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน จากหนี้ไม่มีหลักประกันที่ซื้อเข้ามาเพิ่มตั้งแต่ปี 64
อย่างไรก็ตาม หากกำไรไตรมาส 4/65 ออกมาตามคาด กำไรทั้งปี 65 ใกล้เคียงประมาณการที่ 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน
พร้อมกันนี้ คงประมาณการกำไรปี 66 ที่ 312 ล้านบาท เติบโต +28% จากปีก่อน (แต่ EPS เพิ่มขึ้น 16% จากรวมผลของ CHAYO-W2) จากรายได้หลักธุรกิจบริหารหนี้เติบโตได้ดี Cash Collection เป็นขาขึ้นช่วงกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว บวกกับฐานพอร์ตหนี้ที่ปัจจุบันแตะ 8.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน และโต 8% จากไตรมาสก่อน และบริษัทตั้งงบลงทุน 2 พันล้านบาท เท่ากับปี 65
โดยคาดซื้อยอดหนี้ได้ระดับไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท หนุนพอร์ตขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงธุรกิจสินเชื่อที่จะเป็นอีกหนึ่ง Contributor หลักในปีนี้ ตั้งเป้าปล่อยใหม่อีก 1 พันล้านบาท พอร์ตปัจจุบันราว 900 ล้านบาท จากที่เริ่มปล่อยในไตรมาส 4/64 โดย 9 เดือนแรกของปี 65 มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 7% ของรายได้รวม คาดจะขยับไปสู่ 9-10% ของรายได้รวม
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาดูค่าใช้จ่ายตั้งสำรอง ECL ในปี 66 ซึ่งคาดยังทรงตัวสูง +46% จากปีก่อน นอกจากนี้อัพเดตประเด็นการขายที่ดิน จ. พังงา ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอศาลประกาศความคืบหน้าสิ้นเดือน ก.พ. นี้ เบื้องต้นหากเป็นไปตามขั้นตอน จะรับเงินภายในครึ่งแรกของปี 66 คิดเป็น Upside +77% และได้มูลค่าเพิ่ม 0.21 บาท/หุ้น
โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 66 ที่ 11 บาท อิง PER ที่ 35 เท่า (-0.5 S.D. จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)