“บล.พาย” แนะเก็งกำไร 15 หุ้น ชี้กรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,645-1,675 จุด

“บล.พาย” คัด 15 หุ้นน่าลงทุน PTTEP, BJC, CPALL, HMPRO, MAJOR, ADVANC, BEM, BCH, BDMS, CHG, BGRIM, GPSC, GULF, RATCH, MEGA วางกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,645-1,675 จุด แนะจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ


บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi” ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้นักลงทุนทั่วโลกจะให้น้ำหนักมากสุดกับเงินเฟ้อสหรัฐฯ ทราบผลทางการช่วง 20.30 น. ของเวลาประเทศไทย โดย Bloomberg ประเมินไว้ที่ 6.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหากประกาศมาแล้วต่ำกว่าตลาดคาดการณ์มองเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อตลาดหุ้น เนื่องจากปัจจุบันถือว่าตลาดหุ้นโลก Price In การผ่อนคลายเงินเฟ้อไประดับนึงแล้วแต่หากสูงกว่าตลาดประเมินไว้จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยได้ตั้งข้อสังเกตสำหรับเงินเฟ้อสหรัฐฯข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่าหากตลาดหุ้น S&P500 ก่อนประกาศเงินเฟ้อ 3 วันทำการให้ผลตอบแทนติดลบอาจมีความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อสหรัฐฯจะออกมาสูงกว่าตลาดประเมินไว้ ซึ่งหากประเมินผลตอบแทน S&P500 ย้อนกลับไป 3 วันทำการให้ผลตอบแทนที่ -1.7% ก็อาจจะพอประเมินได้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯมีความเสี่ยงที่จะสูงกว่าตลาดประเมินไว้ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น ถัดไปติดตามยอดค้าปลีกในสหรัฐฯมีกำหนดรายงานในวันพุธ Bloomberg คาดการณ์ขยายตัว 1.7% จากเดือนก่อน และวันพฤหัสบดีกับตัวเลข PPI หรือดัชนีราคาผู้ผลิต Bloomberg ประเมินไว้ที่ 0.4% จากเดือนก่อน

ส่วนในประเทศจะมีกำหนดรายงาน GDP ไตรมาส 4/65 ในวันศุกร์ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 3.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน, 0.6% จากไตรมาสก่อน หากรายงานสูงกว่าตลาดประเมินไว้จะเป็นบวกเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้น อื่นๆติดตามการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/65 ที่จะทยอยประกาศออกมา

สำหรับสัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,645 – 1,675 จุด ยังประเมินเช่นเดิมว่า Upside ตลาดยังจำกัดเพราะรับรู้ปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว ขณะที่เงินเฟ้อเสมือนกับว่าจะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันหรือเป็นปัจจัยที่ตลาดให้ความสำคัญอีกครั้ง สะท้อนผ่านการปรับขึ้นมาของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2, 10 ปี ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติก็ขายสุทธิต่อเนื่องพร้อมกับ Short TFEX เชิงกลยุทธ์ยังเน้นเพียงแค่ Trading สำหรับ SET INDEX โซนปัจจุบันและเน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวก อาทิ พลังงาน (PTTEP) ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น, กลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, HMPRO), โรงภาพยนตร์ (MAJOR), สื่อสาร (ADVANC), ขนส่ง (BEM), โรงพยาบาล (BCH, BDMS, CHG), โรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH)

โดย PTTEP แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 175 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ยังแข็งแกร่งด้วยการเติบโตจากไตรมาสก่อนจากการขาดหายไปของขาดทุนพิเศษครั้งเดียว แต่กำไรปกติจะอ่อนตัวจากไตรมาสก่อน เพราะปริมาณขายที่ลดลง 6% จากไตรมาสก่อน อิงแนวทางผู้บริหารที่ 472kboed สำหรับไตรมาส 1/66

ขณะที่ MEGA แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 4/65 ที่ 530 ล้านบาท เติบโต 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 21% จากไตรมาสก่อน การเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนจากรายได้ทุกกลุ่มและอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ปรับเพิ่มขึ้น หนุนจากส่วนแบ่งการขายที่เป็นใจ ส่วนที่ลดลงไตรมาสก่อนคาดเพราะฐานสูง

Back to top button