CCP เร่งขยายธุรกิจพรีคาสท์-เพิ่มพื้นที่บริการ Ready Mix ตั้งเป้าปี 66 รายได้ 2.6 พันลบ.

CCP วางแผนปี 66 เร่งขยายตลาดพรีคาสท์เต็มสูบ พร้อมเพิ่มพื้นที่บริการ Ready Mix โดยเฉพาะภาคตะวันออก-อีสาน พร้อมตั้งงบซื้อเครื่องจักร-ปรับปรุงโรงงาน 80 ลบ. เพื่อขยายกำลังผลิต ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2.6 พันลบ.


นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 66 จะมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) พร้อมใช้งาน ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในปัจจุบันที่ต้องการความรวดเร็ว ประหยัดเวลา ลดต้นทุน ลดจำนวนแรงงานในการก่อสร้าง อีกทั้ง เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บ่อพัก รางระบายน้ำ ท่อระบายน้ำขนาดพิเศษ ท่อร้อยสายไฟใต้ดิน บล็อกปูพื้นทางเดิน  บล็อกหญ้า รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape ทั่วประเทศ

อีกทั้ง เร่งขยายการให้บริการคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) ลักษณะ Mobile Plant ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคอีสาน สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยจัดตั้งแพลนท์ปูนชั่วคราวที่สามารถรื้อถอนได้ รวมถึงให้บริการเช่ารถขนส่ง รถโม่ผสมคอนกรีต เพื่อสามารถเข้าพื้นที่หน้างานได้รวดเร็ว คงคุณภาพของคอนกรีตผสมเสร็จให้ลูกค้า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องผสมคอนกรีต ใน จ.หนองคาย คาดเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 1/66 และเตรียมขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมในเขตพื้นที่ จ.ระยอง จ.ฉะเชิงเทรา ภายในปีนี้

สำหรับการร่วมมือพันธมิตรจัดตั้งบริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารจัดการคลังสินค้า เขตปลอดอากร (Free Zone) ในโซนแหลมฉบัง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเฟสแรกได้ภายในไตรมาส 4/66 ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทวางงบลงทุนเครื่องจักรใหม่ รวมถึงปรับปรุงโรงงานผลิต มูลค่า 80 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ลดจำนวนแรงงาน ลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต เพิ่มความสามารถทำกำไร พร้อมทั้งเตรียมแผนบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินงานตามเป้าหมายในปีนี้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 12 %

โดยปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 1,600 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 67 พร้อมเดินหน้าประมูลงานจากทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

จากการแตกไลน์ธุรกิจ (Diversify) ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศทยอยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นและมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการสนามบิน โครงการท่าเรือ โครงการมอเตอร์เวย์ งานถนน โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ส่งผลให้การลงทุนก่อสร้างภาคเอกชนขยายตัวตาม อาทิ นิคมอุตสาหกรรม โครงการอสังหาริมทรัพย์ เชื่อมั่นว่าความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-ผลิตภัณฑ์คอนกรีตปรับตัวดีขึ้น ผลักดันให้ผลประกอบการปี 66 เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้” นายอาทิตย์ กล่าว

Back to top button