PTTGC พิษต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง-เจอบุ๊กรายการพิเศษ ฉุดงบปี 65 พลิกขาดทุน

PTTGC รายงานงบปี 65 พลิกขาดทุน 8.7 พันล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 4.4 หมื่นล้านบาท เซ่นต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม รวมถึงการหยุดซ่อมบำรุงตามแผน ประกอบกับอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ยังคงอ่อนตัว ทำให้ราคาปรับตัวลดลง


บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/65 และงวดปี 65 ดังนี้

โดยในไตรมาส 4/65 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 124,780 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 31 จากไตรมาส 3/2565 และปรับตัวลดลงร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ รายได้รวมปรับตัวลดลงโดยมีสาเหตุหลักจากหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นเป็นเวลา 49 วัน ในไตรมาสนี้ ประกอบกับอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ยังคงอ่อนตัวทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลง

โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 3,459 ล้านบาท ปรับตัวลดลงทั้งจากไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 4/2564 ร้อยละ 67และร้อยละ 66 ตามลำดับ ตามทิศทางส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ที่ปรับลดลง เนื่องจากอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ที่ยังอ่อนตัวเป็นผลจากมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ในประเทศจีน การเข้ามาของกำลังการผลิตใหม่ในตลาด รวมถึงความกังวลต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ ผลกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง รายการพิเศษอื่นๆ) จำนวน 1,769 ล้านบาท

โดยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่กล่าว ไปข้างต้นได้ส่งผลให้เกิดความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราทำให้บริษัทฯ รับรู้รายการที่ไม่ได้ เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้ เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 3,518 ล้านบาท ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 356 ล้านบาท ผลกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นกำไร 3,990 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนที่รับรู้ในไตรมาสนี้จำนวน 381 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ในไตรมาส 4/2565 บริษัทฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิรวม 968 ล้านบาท (- 0.21 บาท/หุ้น) ทั้งนี้ ในไตรมาส 4/2565 บริษัทฯ มีการบันทึกรายการพิเศษอื่นๆ รวม 1,744 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสนี้ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นมีผลประกอบการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า

โดยมีสาเหตุหลักจากหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นเป็นเวลา 49 วันในไตรมาสนี้แม้ว่าค่าการกลั่น (GRM) ยังคงรักษาระดับอยู่ที่ 9.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล คงที่จากในไตรมาสก่อนหน้า โดยยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากส่วนต่าง ผลิตภัณฑ์ดีเซลที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่ในขณะที่ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์มีผลประกอบการที่ดีขึ้นเนื่องจากราคาเอทิลีนปรับตัว ลดลงน้อยกว่าราคาวัตถุดิบ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางมีผลประกอบการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากการอ่อนตัวลงของธุรกิจฟีนอล โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์บิสฟี นอลเอ (บีพีเอ) ที่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมปลายทางที่ยังคงอ่อนตัวรวมถึงกำลังการผลิตใหม่ในตลาด

รวมถึงการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงฟีนอลหน่วยที่ 2 ในไตรมาสนี้ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์กรดเทเรฟทาลิกบริสุทธิและผลิตภัณฑ์โมโนเอทิลีนไกลคอลยังคงได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมปลายทางเส้นใยและสิ่งทอที่ยังคงอ่อนตัวเช่นเดียวกัน กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์มีผลประกอบการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากราคาเม็ด พลาสติกยังคงปรับตัวลดลงตามทิศทางราคาวัตถุดิบและอุปสงค์ยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศจีน

รวมถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมีผลประกอบการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักเนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ปรับตัวลดลงตามอุปสงค์ที่อ่อนตัวลง ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ ผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษยังคงสามารถบริหารจัดการราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามได้รับผลกระทบจากปริมาณการขายลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากอุปสงค์ที่ยังคงอ่อนตัวในอุตสาหกรรมปลายทางกอปรกับ การอ่อนตัวของอุปสงค์ตามฤดูกาลของธุรกิจ

ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 678,267 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 จากในปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นจากการเปิดประเทศทั่วโลกทำให้ความต้องการในการใช้ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น

รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครนซึ่ง ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ท าให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในปีนี้ปรับตัวขึ้นอย่างมาก เช่นเดียวกับราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ยังมีการรับรู้ผล ประกอบการของ allnex เข้ามาเต็มปี

โดยในปี 2565 บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 49,134 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 13 จากปีก่อนหน้า ตามทิศทางส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ที่ปรับลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นกลางและกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในขณะที่อุปสงค์ได้รับผลกระทบจากทั้งมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศจีน การเข้ามาของ ก าลังการผลิตใหม่ในตลาด

รวมถึงความกังวลต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจโลก แม้ว่ากลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต้นจะยังคงมีผลประกอบการที่ยังคงดีอยู่ โดยในภาพรวมในปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตรา แลกเปลี่ยนและกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงรายการพิเศษอื่นๆ) ในปีนี้อยู่ที่18,984 ล้านบาท

ทั้งนี้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อ ความผันผวนอย่างรุนแรงของทั้งราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทำให้ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ จึงมีการบันทึกผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงในปีนี้ จำนวน 23,057 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าราคาที่ทำประกันความเสี่ยงไว้

โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ที่เริ่มเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครนผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 3,657 ล้านบาท ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นขาดทุน 313 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งเงินกำไรจากเงินลงทุนที่รับรู้ในปีนี้จำนวน 2,908 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าเนื่องจากผล ประกอบการของธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงในปีนี้ ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทฯ มีการบันทึกรายการพิเศษรวม 893 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2565 บริษัทฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิรวม 8,752 ล้านบาท (-1.94 บาท/หุ้น)

อย่างไรก็ตามในงวดปี 65 บริษัทมีบันทึกพิเศษขาดทุนจากเหตุขัดข้องการเตรียมดำเนินการโครงการคลังสินค้า จำนวน 894 ล้านบาท

ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์คาดกำไรปี 66 จะพลิกกลับมากำไร 2.05 หมื่นล้านบาท จากขาดทุนในปี 65 เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมใหญ่ทั้งโรงกลั่น และโรงโอเลฟินส์ รวมถึงคาดไม่มี Stock loss ก้อนใหญ่ ขณะที่การเปิดประเทศของจีนที่เร็วกว่าคาด อาจกระตุ้นดีมานด์ปิโตรเคมีได้ดี ถือเป็น Positive surprise ในภาวะที่ยังมี supply ใหม่เข้ามาต่อเนื่อง ระยะสั้น

Back to top button