OR กวาดรายได้ขายปี 65 ทะลุ 2.7 แสนล้าน แจกปันผล 0.15 บ. โบรกชี้ Q1 ฟื้นตัว

OR โชว์กำไรปี 65 อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท โกยรายได้ขายและบริการทะลุ 2.7 แสนล้านบาท เตรียมจ่ายปันผล 0.15 บ. ด้านโบรกมองแนวโน้มไตรมาส 1/66 ฟื้นตัว คงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท


บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 65 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.66 ดังนี้

โดยบริษัทมีกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 10,370.40 ล้านบาท ลดลง 9.62% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,474.03 ล้านบาท สาเหตุจากกำไรขั้นต้นลดลง 247 ล้านบาท จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรลดลง 0.17 บาท และ EBITDA ลดลง 1,471 ล้านบาท จากกำไรขั้นต้นที่ลดลงและค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิปรับเพิ่มขึ้นจากค่าขนส่ง รวมถึงมีค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาสถานีบริการ

อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอยู่ที่ 22,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 19,179 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์อยู่ที่ 1,068 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนอยู่ที่ 305 ล้านบาท

ด้าน นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2565 มีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 277,986 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.3% และ EBITDA เพิ่มขึ้น 273 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.3% จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่คลี่คลาย ทำให้ภาพรวมปริมาณขายปรับเพิ่มขึ้นกว่า 15% ในทุกกลุ่มธุรกิจ และยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of Income) ที่เพิ่มขึ้น โดยหลักมาจาก บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด และผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการร่วมลงทุนกับพันธมิตร (Partners) ในกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ในช่วงปี 2564 แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 จะมีต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในส่วนของธุรกิจ Mobility ส่งผลให้ในปี 2565 มีกำไรสุทธิ จำนวน 10,370 ล้านบาท ลดลง 1,104 ล้านบาท  คิดเป็นกำไรต่อหุ้น  0.86 บาทต่อหุ้น

สำหรับฐานะทางการเงินของ OR ยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ 31 ธันวาคม 2565 OR มีสินทรัพย์รวม 225,504 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,845 ล้านบาทจากสิ้นปี 2564 โดยได้เตรียมงบลงทุนสำหรับปี 2566 ไว้ที่ 31,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภาพรวมของการเติบโตของธุรกิจในปีนี้จะเติบโตได้ดี จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น  นอกจากนี้ OR ยังได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กร (Company Rating) โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง) ที่ระดับ “AA+” พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิตที่ “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันและค้าปลีกในประเทศไทย ที่มีความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น และมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต

“OR ยังคงมุ่งมั่นเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย “OR’s SDG” หรือ SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อผลักดันให้ OR ก้าวไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายดิษทัต กล่าวในตอนท้าย

ขณะที่ บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่าบริษัทจะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการได้ในไตรมาส 1/2566 เป็นผลมาจาก ปริมาณยอดขายผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ทรงตัวสูง และจาก marketing margin ที่สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเชื่อว่าบริษัทจะยังมีแผนการขยายสถานีบริการเชิงรุกในปี 2566 มองว่าจะมีการเปิดสาขาให้บริการปั๊มน้ำมันใหม่ 100 สาขา และคาเฟ่อเมซอน 400 แห่ง โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 25.50 บาท

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า แนวโน้มกำไรปี 2566 น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน เป็นผลมาจากกิจกรรมการเดินทางในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยความต้องการน้ำมัน Jet ในปี 2566 น่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา

ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรปี 2566 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 33.50 บาท

 

Back to top button