SVI วิ่งแรง 8% รับกำไรปี 65 โต 24% เก็งปันผล 0.26 บ. ลุ้นปี 66 รายได้ 3 หมื่นลบ.
SVI วิ่งแรง 8% ราคาแตะ 9.90 บ. ขานรับกำไรปี 65 โต 24% เก็งปันผล 0.26 บ. ลุ้นปี 66 โตต่อรายได้ 3 หมื่นลบ. หลังขยายฐานลูกค้า-เพิ่มกำลังผลิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.พ.66) ราคาหุ้นบริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ล่าสุด ณ เวลา 10:03 น. อยู่ที่ระดับ 9.90 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 8.20% สูงสุดที่ระดับ 9.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 86.98 ล้านบาท
ทั้งนี้ราคาหุ้น SVI ปรับตัวขึ้น หลังภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 65 มีรายได้รวม 25,898 ล้านบาท สูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งบริษัทฯ เติบโต 48.8% และมีกำไรสุทธิ 1,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.3% ส่งผลให้อัตราการทำกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปรับตัวเพิ่มเป็น 0.82 บาทต่อหุ้น หลังจากในไตรมาส 4/65 (ต.ค.-ธ.ค.) บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,209 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 490 ล้านบาท
ปัจจัยความสำเร็จของผลการดำเนินงานดังกล่าวมาจากฐานลูกค้าที่มีความแข็งแกร่งและศักยภาพการผลิตที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีการผลิตและระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพของโรงงาน SVI ขณะที่ฐานการผลิตในประเทศไทย กัมพูชาและสโลวาเกีย ช่วยสร้างความได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต ปัจจัยเหล่านี้ทำให้บริษัทฯ ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และการดำเนินนโยบาย Zero Covid ของประเทศจีนซึ่งทำให้เกิด supply disruption อย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นทั่วโลกจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยใช้ความสามารถด้านการผลิตเข้าไปตอบสนองต่อความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อส่งไปจำหน่ายยังตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปได้อย่างเต็มที่
ส่วนบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ยังคงคำแนะนำ “ถือ” หุ้น SVI ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท/หุ้นมีกำไรจากธุรกิจหลักของ SVI ในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 576 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ดีกว่าประมาณการของบล.เคจีไอฯ 18% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าที่คาดไว้ 1.29 ทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในปี 65 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบจากปีก่อน สูงกว่าประมาณการเต็มปี นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 65 ที่ 0.26 บาท/หุ้น (กำหนดขึ้น XD วันที่ 3 พ.ค.66 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 16 พ.ค.66)
ด้านนายสมชาย สิริปัญญานนท์ กรรมการผู้จัดการ SVI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 66 เติบโตเป็น 30,000 ล้านบาท จากแนวโน้มความต้องการลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์เพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์เกี่ยวกับระบบควบคุมอุตสาหกรรม อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายไร้สายและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ ซึ่งล้วนอยู่ในกระแสเมกะเทรนด์ของโลก ทำให้ฐานลูกค้าเดิมของ SVI มียอดสั่งออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์เพิ่มขึ้น
ประกอบกับแผนลงทุนขยายฐานการผลิตที่ประเทศสโลวาเกีย 2 เท่าตัว จาก 6,000 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 11,000 ตารางเมตรซึ่งขยายแล้วเสร็จในปีที่ผ่านมา และประเทศกัมพูชาอีก 3 เท่าตัว หรือจาก 10,000 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 35,000 ตารางเมตรที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปีนี้ ทำให้ฐานการผลิตดังกล่าวสามารถรองรับกับออเดอร์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่เพิ่มขึ้น และรองรับลูกค้าใหม่ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนเพื่อส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้