โบรกเชียร์ซื้อ PTT ชี้ไตรมาส 1 ธุรกิจฟื้น อานิสงส์ “ต้นทุนก๊าซ” ลด ชูเป้าสูง 46 บ.
โบรกมองแนวโน้ม PTT ไตรมาส 1 ปี 66 ธุรกิจฟื้นตัว รับอานิสงส์ “ต้นทุนก๊าซ” ลด แนะซื้อราคาเป้าสูงสุด 46 บาท
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผย ถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/65 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 17,872 ล้านบาท หรือมากกว่าร้อยละ 100.0 จากไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 8,884 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามปริมาณการขายเฉลี่ย, ราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น และราคาก๊าซธรรมชาติที่อ่อนตัวลง ทั้งนี้ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้
โดยจากข้อมูลดังกล่าวมีทิศทางที่สืบเนื่องกันกับโบรกเกอร์หลายบริษัทหลักทรัพย์ ที่ได้ระบุข้อมูลผ่านบทวิเคราะห์ ถึงแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 4/65 รวมถึงได้ประมาณการณ์แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 1/66 ว่าจะออกมาในทิศทางใดสำหรับปีนี้
บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/65 ของบริษัท PTT ว่ามีการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งออกมาอยู่ที่ 17,872 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 101.2% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้หลักมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และราคาก๊าซธรรมชาติที่อ่อนตัวลง 16% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ต้นทุนเนื้อก๊าซมีความผ่อนคลายมากขึ้น ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากมีการปรับรูปแบบของสัญญาในการขายจากเดิมที่อ้างอิงกับน้ำมันเตาไปเป็นรูปแบบ stopping price ได้มากขึ้นส่งผลให้รายได้ของธุรกิจ S&M ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากเงินส่วนลดและชดเชยอีก 300 ล้านบาท ทั้งนี้ให้ราคาเป้าหมาย 46 บาท
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มองว่าแนวโน้มธุรกิจก๊าซของ PTT ค่อนข้างผันผวน โดยคาดการณ์กำไรไตรมาส 1/66 อาจลดลงอีกครั้งตามการนำเข้า LNG ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามอาจถูกชดเชยด้วยกำไรของบริษัทลูก เช่น GPSC, IRPC, OR, PTTGC, TOP ที่จะเติบโตดีจากไตรก่อนหน้า โดยการมีกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายเช่นนี้จะทำให้แนวโน้มกำไรของ PTT ไม่โดดเด่นเท่าบริษัทลูก แต่จุดเด่นที่ยังคงอยู่ คือ Valuation ที่น่าสนใจจากราคาตลาดที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีและการจ่ายเงินปันผลด้วยอัตราที่สูงถึงกว่า 6% ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่เน้นการรับเงินปันผล โดยแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคา 42 บาท
ส่วนด้าน บริษัท หลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรไตรมาส 4/65 ได้แรงหนุนจากธุรกิจผลิตและสำรวจที่มีกำไรเพิ่มขึ้น 2.1% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือ 4.56 หมื่นล้านบาท แต่ในส่วนธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นขาดทุนเพิ่มขึ้น 35.2% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือ 1.56 หมื่นล้านบาท ขณะที่ธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกพลิกเป็นขาดทุน 321 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ด้านฝ่ายวิจัยยังคงมองแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/66 ว่ายังอยู่ในทิศทางบวก PTT ทั้งนี้คาดว่าในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมี, โรงกลั่นจะฟื้นตัวตามค่าการกลั่น รวมถึงราคาปิโตรเคมีที่เริ่มฟื้นตัว ขณะเดียวกันธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกคาดจะฟื้นตัว เนื่องจากราคาน้ำมันเริ่มสร้างฐานได้ โดยแนะนำซื้อ 41.50 บาท
ถัดมา บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด คาดผลประกอบการของบริษัท PTT จะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 1/66 เนื่องจากธุรกิจเคมีและการกลั่นที่ฟื้นตัวขึ้นชดเชยการดำเนินงานของ PTTEP ที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ธุรกิจก๊าซก็มีการฟื้นตัวดีขึ้นจากลูกค้าที่เริ่มกลับมา และต้นทุนที่ลดลง แนะนำซื้อ 41 บาท
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด มองแนวโน้ม PTT ในไตรมาส 1/66 คาดกำไรจะดีขึ้นจากการได้รับอานิสงส์การฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของบริษัทลูกในเครือ โดยธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น คาดจะปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุน Crude Premium และผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันที่ลดลง รวมถึงการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนทั้งโรงปิโตรเคมีและโรงกลั่นลดลง ส่วนธุรกิจ E&P ดีขึ้นจากการตั้งสำรองและด้อยค่าสินทรัพย์ลดลง และในส่วนของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ คาดอัตรากำไรจะทยอยฟื้นตัวหนุนจากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาเนื้อก๊าซฯ ในอ่าวไทยจะทยอยลดลงในครึ่งหลังของปี 66
ส่วนธุรกิจ SM คาดทรงตัวเพราะมีแผนนำเข้า LNG เพิ่มขึ้น นอกจากนี้เพื่อสะท้อนความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสชะลอตัวประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอาจไม่เร็วอย่างคาด ส่งผลให้ราคาพลังงานทั้งน้ำมันดิบและก๊าซฯ รวมถึงส่วนต่างคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตเคมีไม่ได้ดีอย่างปีก่อน ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงได้ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 66-67 ลงเป็น 1 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% หรือ 1.02 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ แนะนำซื้อ 38 บาท บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 จะดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยธุรกิจโรงกลั่นกลับมา Operate ในระดับปกติจากไตรมาส 4/65 ที่มีการปิดซ่อมบำรุง ส่วนค่าใช้จ่ายน่าจะลดลงในไตรมาส 1/66 จากไตรมาส 4/65 ที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษค่อนข้างมาก และธุรกิจ GSP น่าจะปรับดีขึ้นตามราคาเม็ดพลาสติกที่เริ่มปรับขึ้น ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรปี 66 ที่ 1.1 แสนล้านบาท และมีการปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อเก็งกำไร” คงราคาเป้าหมายที่ 36.50 บาท