KBANK คาดกรอบ “เงินบาท” สัปดาห์หน้า 34.15-35 จับตาฟันด์โฟลว์-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

KBANK คาด “เงินบาท” สัปดาห์หน้า (20-24 ก.พ.66) เคลื่อนไหวกรอบ 34.15-35 บาท/ดอลลาร์ จับตาฟันด์โฟลว์-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่หนุนโอกาสการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อเนื่องของเฟด


ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (20-24 ก.พ.66) ที่ระดับ 34.15-35.00 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดที่ระดับ 34.60 บาท/ดอลลาร์ (หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งที่ 34.62 บาท/ดอลลาร์)

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งที่ 34.62 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะพลิกอ่อนค่าลงในช่วงกลางสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือนม.ค. เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่แม้จะมีทิศทางชะลอลงแต่ก็เป็นไปอย่างช้าๆ นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ด้วยเช่นกัน

ในช่วงปลายสัปดาห์ เงินบาทเผชิญแรงเทขายต่อเนื่อง หลังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของไทยที่ขยายตัวเพียง 1.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ 3.6% สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่มีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจ อาทิ การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้ผลิตและการปรับลงของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ที่หนุนโอกาสการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อเนื่องของเฟด

ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ สถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดการเงินไทยและทิศทางสกุลเงินเอเชีย

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคในเดือนก.พ. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 (preliminary) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมถึงบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิต/บริการเบื้องต้นสำหรับเดือนก.พ. ของยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน

Back to top button