“อาคม” สั่งสอบ 2 อธิบดี ส่อพัวพัน “อินไซด์” BCP ซื้อเอสโซ่

“อาคม” สั่งสอบ 2 อธิบดีส่อพัวพันใช้ข้อมูลภายใน ซื้อขายหุ้น “บางจาก” ระหว่างดีลซื้อเอสโซ่ ด้านอธิบดีธนารักษ์ป่วน เร่งทำหนังสือด่วนชี้แจงปลัดคลังหลังเข้าซื้อก่อนขายหลังปิดดีลบางจากซื้อเอสโซ่ ส่วนอธิบดีกรมบัญชีกลาง ยันซื้อขายเฉพาะ หุ้น ESOP ที่ได้รับจัดสรรเท่านั้น ปัจจุบันขายหมดพอร์ตแล้ว ขณะที่ สคร.มองอาจเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงาน อ้างอิงแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้เกิดกระแสข่าวเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมในการเข้าไปซื้อขายหุ้นของผู้บริหารกระทรวงการคลัง หลังมีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง 2 ราย ได้เข้าซื้อขายหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ช่วงเวลาที่บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO โดยกรรมการผู้แทนที่เข้าซื้อขายหุ้น คือ นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ และ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเว็บไซต์ ก.ล.ต. เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น BCP พบว่า การเข้าซื้อขายหุ้นของกรรมการบริษัทจำนวนหนึ่ง อยู่ในช่วงเดือนธ.ค.65-ม.ค.66 โดยในรายงานของ ก.ล.ต.พบว่า นายจำเริญ ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวนทั้งหมด 6 แสนหุ้น แบ่งเป็นการเข้าซื้อในกระดานวันที่ 22 ธ.ค.65 จำนวน 2 แสนหุ้น ราคา 31.00 บาท และ  1 แสนหุ้น ราคา 30.75 บาท และวันที่ 26 ธ.ค.65 ซื้อจำนวน 3 แสนหุ้น ราคา 28.14 บาท โดยเป็นหุ้นที่ได้มาตามโครงการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อกรรมการ หรือพนักงาน หรือ ESOP หลังจากนั้นวันที่ 12 ม.ค.66 ได้ขายหุ้นในกระดานจำนวน 1.5 แสนหุ้น ที่ราคา 34.75 บาท

ส่วน น.ส.กุลยา ได้เข้าซื้อหุ้น BCP วันที่ 28 ธ.ค.65 จำนวน 3 แสนหุ้น ที่ราคา 28.14 บาท โดยเป็นหุ้นได้มาตามโครงการ ESOP ที่จัดสรรให้กับกรรมการบริษัทเช่นกัน ขณะที่ปัจจุบันได้ลาออกจากบอร์ดบางจากไปแล้ว จึงไม่ได้แจ้งว่า ขายหุ้นไปทั้งหมดแล้ว

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าการซื้อขายหุ้นของกรรมการบริษัทบางจากฯบางคน เป็นการใช้ข้อมูลภายในหรืออินไซด์เดอร์ ก่อนที่จะมีการซื้อกิจการในธุรกิจอื่นหรือไม่

อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง ได้รับทราบเกี่ยวกับการเข้าซื้อและขายหุ้นของกรรมการผู้แทน 2 ราย ดังกล่าวแล้ว และกำลังพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะถือเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์การเป็นกรรมการผู้แทนรัฐวิสาหกิจเมื่อปี 53

ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ยังต้องรอรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน หลังได้รับแล้ว ถึงจะมาพิจารณาว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมของทั้งสองอธิบดีหรือไม่

ขณะที่นายจำเริญ กำลังเร่งทำหนังสือด่วนชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเข้าซื้อขายหุ้นให้ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอต่อนายอาคม

ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม การซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายในนั้น แม้จะเป็นหุ้น ESOP ก็อาจเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณ ตามระเบียบข้อบังคับกระทรวงการคลัง

Back to top button