“บล.พาย” มอง SET สัปดาห์นี้ 1,630 – 1,665 จุด แนะสอย 19 หุ้นเด่นเฉพาะตัว

“บล.พาย” มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้กรอบ 1,630 – 1,665 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุน 19 หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ชู CPALL-BDMS เด่นสุด


บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เมื่อคืนวันศุกร์ ตลาดหุ้น Dow Jones ปิดบวก 0.4% ในขณะที่ NASDAQ ปรับลง 0.58% หลักๆ แล้วนักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะดอกเบี้ยและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2.5% กังวลต่ออุปสงค์ที่จะหายไปจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะกดดันภาวะเศรษฐกิจ

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาส 4/65 ขยายตัวเพียง 1.4% จากปีก่อน ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 3.6% จากปีก่อน โดยการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดีราว 5.7% จากปีก่อน หลักๆ เป็นผลจากการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนขยายตัวต่อเนื่อง (อาหาร)

ขณะที่การใช้จ่ายหมวดสินค้าคงทนชะลอตัวลงตามการซื้อยานพาหนะ ด้านการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาลติดลบ 8% จากปีก่อน หลักๆ ผลจากการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ลดลง ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 4.5% จากปีก่อน แต่ข้างต้นพบว่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงและการก่อสร้างอาคารเชิงพาณิชย์หดตัว 5.5% จากปีก่อน

ส่วนด้านเครื่องมือเครื่องจักรขยายตัว 5.1% จากปีก่อน ชะลอตัวลงจากไตรมาส 3/65 ที่ 14% จากปีก่อน ชะลอลงทุกกลุ่มสินค้าทุนทั้งยานพาหนะและเครื่องจักรอุตสาหกรรม ขณะที่การส่งออกหดตัว 10.5% จากปีก่อน ลดลงทุกประเภทสินค้าทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมเนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอของคู่ค้า

อย่างไรก็ตามส่งออกบริการขยายตัวเด่น 94.6% จากปีก่อน ผลจากการมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยสรุปแล้วมองหุ้นค้าปลีกเกี่ยวข้องกับอาหารได้ประโยชน์ อาทิ (BJC, CRC, CPALL) ร้านอาหารและท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SHR, SPA)

ส่วนสัปดาห์นี้ติดตาม 1.ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของ EU ในวันอังคาร 2.ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯในวันอังคารเช่นกัน Bloomberg คาดที่ 4.09 ล้านหลังคาเรือน 3.ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯในวันศุกร์ Bloomberg ประเมินที่ 6.2 แสนหลังคาเรือน 4.ในประเทศติดตามผลประกอบการไตรมาส 4/65 ของบริษัทจดทะเบียน

โดยประเมิน SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,630 – 1,665 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นถือครองเงินสดระดับสูง ส่วนหุ้นแนะนำเน้นที่มีปัจจัยบวก อาทิ กลุ่มส่งออก (ASIAN, TU) ผลบวกค่าเงินบาทอ่อนค่า Domestic Play ที่เกี่ยวข้องกับการบริการอาหารและท่องเที่ยว (BJC, CRC, CPALL) (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA) สื่อสาร (ADVANC, INTUCH) โรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH) โรงพยาบาล (BCH, BDMS, CHG)

สำหรับ CPALL แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของ CPALL ในไตรมาส 4/22 และปี 66 คือ 1.จำนวนลูกค้าในร้านที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง 2.การใช้จ่ายที่สูงขึ้นช่วงการแข่งขันบอลโลก และ 3.มาตรการกระตุ้นภาครัฐเพิ่มเติมก่อนไทยเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 4/65 จะโตขึ้นจากปีก่อนและไตรมาสก่อน จากยอดขายที่ฟื้นตัวขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจ

ด้าน BDMS แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท ประเมินอัตราการเติบโตของกำไรที่ 58% ในปี 65 ด้วยอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูงขึ้นเป็น 14.5% ส่วนในปี 66-67 แม้คาดการเติบโตที่ชะลอลงเป็น 10%-8% จากปีก่อน แต่ยังอยู่ในแดนบวก ด้วยกำไรปกติที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ถึง 1.74 เท่า 1.87 เท่า พร้อมกับ ROE ที่ราว 15% ในปี 66-67

Back to top button