UBE ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โต 10% จ่อออกสินค้าใหม่-ขยายช่องทางขายเพิ่ม
UBE ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โต 10% เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และการปรับขนาดของบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ เพื่อการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น อีกทั้งธุรกิจกาแฟยังมีการเติบโตที่ต่อเนื่อง
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณยอดขายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น หลังจากการผ่อนปรนข้อกำหนดด้านการท่องเที่ยว ขณะที่รายได้จากธุรกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากยอดขายผลิตภัณฑ์กาแฟเป็นหลัก
โดยในช่วงไตรมาส 4/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,057.9 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 149.8 ล้านบาท เติบโต 28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหลักๆ มาจากราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง จึงส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2565 ที่ผ่านมาเติบโตขึ้นจากปีก่อน โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 7,199.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 329.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 จะยังคงเติบโตขึ้นจากปี 2565 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ยังคงวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโตที่ระดับ 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการปรับขนาดของบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องตามความต้องการของตลาด รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ เพื่อการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น อีกทั้งธุรกิจกาแฟยังมีการเติบโตที่ต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันในปีนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนปริมาณการขายสินค้ากลุ่มมูลค่าสูง ทั้งแป้งออร์แกนิก และฟลาวมันสำปะหลัง รวมถึงยังอยู่ในระหว่างการศึกษาและแสวงหาโอกาสเพื่อการต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การเสนอขายแป้งมันสำปะหลัง โดยเพิ่มสัดส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กซึ่งมีมูลค่าที่สูงขึ้น และมุ่งเน้นการทำการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) เพื่อเพิ่มความหลากหลายของการนำฟลาวมันสำปะหลังไปใช้ โดยในปี 2566 จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบัน รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมด้วย
นางสาวสุรียส กล่าวอีกว่า ในปี 2566 เป็นปีแห่งความท้าทายในหลากหลายด้าน และบริษัทยังตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งการตลาดของเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงในประเทศ และสนับสนุนการผลักดันการเปิดเสรีเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อเพิ่มปริมาณขาย
ส่วนกลุ่มธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 จะเห็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมรับมือด้วยการจัดทีมงานส่งเสริมการขายไปทำตลาดในพื้นที่ต่างประเทศใหม่ๆ ให้มากขึ้น รวมถึงการนำเสนอฟลาวมันสำปะหลังไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าธุรกิจตามแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วมเพื่อความยั่งยืนที่สอดคล้องตามแนวทาง ESG (Environmental สิ่งแวดล้อม, Social สังคม และ Governance ธรรมาภิบาล) ตั้งแต่การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นน้ำ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการวัตถุดิบมันสำปะหลัง เพื่อยกระดับเพิ่มมูลค่าการผลิตมันสำปะหลังให้เป็น “มันสำปะหลังอินทรีย์” โดยมีการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล และรณรงค์ให้เกษตรกรในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในวิถีอินทรีย์ ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเดินหน้าส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ในพื้นที่อีสานล่าง 2 จาก 10,000 ไร่ เป็น 30,000 ไร่
นอกจากนี้ยังเดินหน้าการใช้พลังงานสะอาดหมุนเวียนภายในโรงงานจากโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) ที่ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท อุบลแสงอาทิตย์ จำกัด เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงเป็นการดำเนินโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและลดการพึ่งพาพลังงานจากข้างนอก