OSP ต้นทุนพุ่ง กดกำไรปี 65 หด 41% เหลือ 1.9 พันล้าน แจกปันผล 0.45 บ.

OSP รายงานกำไรปี 65 เหลือ 1,933 ล้านบาท ลดลง 41% จากปีก่อนมีกำไร 3.3 พันล้านบาท เซ่นต้นทุนพุ่ง เตรียมแจกปันผล 0.45 บ. ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 พ.ค.66 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 25 พ.ค.66


บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2565 ดังนี้

บริษัทรายงานกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 1,933.77 ล้านบาท ลดลง 40.59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,254.92 ล้านบาท สาเหตุมาจาก รายได้รวมจากการขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศหดตัว 5.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากรายได้จากเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศที่ลดลงในช่วงการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มมูลค่าของกลุ่มผลิตภัณฑ์

อีกทั้งรายได้อื่น อยู่ที่ 216 ล้านบาท ลดลง 58.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 516 ล้านบาท และกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8,350 ล้านบาท ลดลง 8.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 9,143 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30.6% ลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนผลกระทบจากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาพลังงานและค่าไฟที่สูงขึ้น

นอกจากนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.66 มีมติอนุมัติจ่ายปันผล 0.45 บาท/หุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 พ.ค.66 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นวันที่ 25 พ.ค.66

นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP  ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 27,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% และมีกำไรสุทธิ 1,934 ล้านบาท โดยผลักดันการเติบโตของรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่หลากหลาย สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มตลาดแมสและตลาดพรีเมียม ส่งผลให้ OSP มีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังมากกว่าคู่แข่ง 2 เท่า โดยมี เอ็ม-150 เป็นผู้นำตลาดที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม  ‘ซีวิท’ ผู้นำตลาดอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซีด้วยส่วนแบ่งสูงถึง 37.9%

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลมีอัตราการเติบโต 16.6 % จากความสำเร็จในการทำตลาดและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี รับปัจจัยเชิงบวกจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศมียอดขายเครื่องดื่มเติบโตโดดเด่น 8.3% โดยเฉพาะ สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ และอินโดนีเซีย ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 จึงมีมติเสนอจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในปี 2565 ในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 1,352 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น คงเหลือที่ต้องจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังอีก 0.45 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 โดยจะขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ต่อไป

โดยบริษัทฯ ได้วางเป้าหมายการเติบโตปีนี้เป็นเลข 2 หลัก จากแผนดำเนินงานมุ่งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ตอบสนองต่อเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกมิติ การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง รับบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดี ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินงาน พร้อมดำเนินกลยุทธ์มองหาโอกาสการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) เพื่อส่งเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนปี 2568 ได้แก่ สร้างการเติบโตร่วมกันตลอดห่วงโซ่อุปทานผ่านโครงการจัดซื้อจัดหาที่ยั่งยืน ส่งมอบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีความหลากหลายเพื่อคุณภาพที่ดีของผู้บริโภค ลดผลกระทบที่เกิดจากของเสียบรรจุภัณฑ์ และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการบริหารจัดการพลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

Back to top button