5 โบรกแนะ “ซื้อ” NER เป้าสูง 9.70 บาท ปันผลปีนี้ 8.1%
NER เปิดงบปี 65 กำไรสุทธิ 1.75 พันล้านบาท แจกปันผล 0.31 บาท ขึ้น XD 20 เม.ย.66 ฟากโบรกหลายแห่งแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสูงสุด 9.70 บาท มองกำไรปีนี้เติบโต 19% พ่วงยีลด์ปันผลสูง 8.1%
บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 2565 มีกำไรสุทธิ 1.75 พันล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค.65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.65 เป็นเงินสดในอัตรา 0.31 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 เม.ย.66 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พ.ค.66
ด้าน บล.เอเซีย พลัส จำกัด คาดกำไรสุทธิปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน และการประหยัดต่อขนาด โดยคาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/66 จะเติบโตจากงวดไตรมาส 4/65 จากแนวโน้ม gross margin งวดไตรมาส 1/66 ฟื้นตัวตามทิศทางราคายางพาราโลก โดย NER ประกาศจ่ายปันผลสำหรับงวดครึ่งหลังของปี 65 เท่ากับ 0.31 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยีลด์ 5.3% ขึ้น XD วันที่ 20 เม.ย. 66 จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท โดยไตรมาส 4/65 เชื่อว่าเป็น bottom ของราคายาง และ GPM โดยกำไรจะไต่ไปพีกไตรมาส 3 ตั้งแต่ ม.ค. 66 ออเดอร์จีนมาหนาแน่น ทั้งเปิดเมืองทั้งรถ EV แม้วอลุ่มไตรมาส 1/66 จะย่อจากไตรมาส 4/65 แต่ GPM ที่ฟื้นออกมา มองว่ากำไรจะเริ่มออกตัวฟื้นจากไตรมาสก่อน แล้วเดินหน้าต่อในปีนี้
อีกทั้งบริษัทเตรียมขยายกำไรการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น 33% อีก 1.7 แสนตัน โดยใช้เงิน 700 ล้านบาท แล้วเสร็จไตรมาส 1/67 ใช้กระแสเงินสดภายใน และเงินกู้ ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องใหม่เหนือความคาดหมาย รวมถึงการเพิ่มทุนแบบ PP mandate 8.7% ยังขอมติผู้ถือหุ้นค้างไว้ก่อนเผื่อไว้สำหรับเตรียมเงินทุน, ลดภาระดอกเบี้ย, ขยาย w/c เพื่อลดระดับ D/E ratio
ด้าน บล.พาย ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 8.50 บาท โดยยังไม่ได้รวมหุ้นเพิ่มทุนที่เตรียมขายให้กับกองทุนต่างประเทศด้วย ถ้ารวมมูลค่าพื้นฐานจะเป็น 7.10 บาท จากเดิม 8.90 บาท ระยะสั้นแนะนำให้ซื้อเพื่อรับเงินปันผลที่มีผลตอบแทนกว่า 5% แม้ว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 4/65 จะออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ในระยะยาวบริษัทได้รับคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นได้ในอนาคตทำให้มีการขยายกำลังการผลิตใหม่โดยประกาศก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มอีกถึง 33%
ขณะที่ บล.ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) มองว่ากำไรปี 66 ยังเติบโต 14% จากปีก่อน หนุนจากปริมาณขายที่ขยายตัวจากปีก่อน ทั้งนี้มีแนวโน้มกำไรระยะสั้นไตรมาส 1/66 อาจยังไม่โดดเด่น แต่เชื่อว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2/66 ตามราคายางที่เริ่มฟื้นตัวนับจากช่วงปลายปี 65 โดยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 7.6 บาท ยังมีอัพไซด์ และยีลด์ที่น่าลงสนใจ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท คาดกำไรปกติในไตรมาส 1/66 กลับมาที่ระดับเหนือ 400 ล้านบาท จากการฟื้นตัวของราคาขายเฉลี่ยราว 10% ขณะที่ปริมาณขายคาดทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน ทำให้กำไรฟื้นตัวระดับ 20%+/- จากไตรมาสก่อน และทรงตัวจากปีก่อน
โดยบริษัทตั้งเป้าปริมาณขายที่ 5 แสนตันในปี 66 ยังสูงกว่าประมาณการของเราที่ 4.8 แสนตัน และตั้งเป้ารายได้ที่ 3.0 หมื่นล้านบาท สูงกว่าประมาณการของเราที่ 2.85 หมื่นล้านบาท จึงยังคงประมาณการกำไรปี 66 ที่ 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.2% จากปีก่อน คงราคาเป้าหมายสิ้นปี 66 ที่ 9.70 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้านราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PE ปี 66 เพียง 4.90 เท่า และคาดเงินปันผลสำหรับปี 66 ที่ 0.48 บาท ให้ผลตอบแทน 8.1%