SCB ปันผลจัดหนัก! บอร์ดไฟเขียวจ่ายเพิ่ม 5.19 บาทต่อหุ้น ขึ้นป้าย 17 เม.ย.นี้
บอร์ด “เอสซีบี เอกซ์” อนุมัติปันผลจากกำไรปี 65 อีก 5.19 บาทต่อหุ้น หลังก่อนหน้านี้จ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 1.50 บาท รวมปันผลทั้งงวด 6.69 บาท ดันยีลด์ ณ ปัจจุบันพุ่งสูงปรี๊ด 6.59% จ่อขึ้น XD วันที่ 17 เมษายนนี้ พร้อมแบ่งเงินตั้งสำรองเพิ่ม เสริมแกร่ง “คอฟเวอเรจ เรโช” เกือบแตะ 20%
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่ามติคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติกำหนดวันประชุมและระเบียบวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 โดยคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันพุธที่ 5 เมษายน 2566 เวลา 14:00 น. และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันศุกที่ 3 มีนาคม 2566 พร้อมทั้งได้แจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทอยู่ในระหว่างพิจารณาวาระการจัดสรรกำไรจากผลการดำเนินงานปี 2565 และการจ่ายเงินปันผลจะเผยแพร่ข้อมูลผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อให้ผู้ถือหุ้นทราบต่อไปนั้น
ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่าคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีมติเห็นควรเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรจากผลการดำเนินงานปี 2565 และการจ่ายเงินปันผล ซึ่งบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม ซึ่งบริษัทจะพิจารณาถึงผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ทั้งนี้ เงินปันผลจะจ่ายในปีใดก็ตามที่บริษัทมีกำไรหลังจากการกันสำรองตามกฎหมายและการกันสำรองอื่นที่จำเป็นครบถ้วนแล้ว รวมทั้งไม่มีผลขาดทุนสะสม และสามารถดำรงเงินกองทุนได้อย่างเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดและเพียงพอสำหรับความจำเป็นทางธุรกิจในอนาคต
โดยในปี 2565 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติการงดจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2564 และการงดจัดสรรกำไรสุทธิเป็นทุนสำรองตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มดำเนินกิจการและยังไม่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจ ทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนในปี 2564 ภายหลังดำเนินการปรับโครงสร้างกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2565 ส่งผลให้บริษัทเป็นผู้ถือหุ้น 99.06% ของธนาคารไทยพาณิชย์ ขณะที่บริษัทจึงเริ่มรับรู้รายได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทในกลุ่ม และเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งบริษัทจึงขอเสนอการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 6.69 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 60% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม
ด้านคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจากการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 2565 ไว้เป็นทุนสำรองตามกฎหมายจำนวน 3,400 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน และการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 6.69 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,528 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60.0 ของกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 ตามงบการเงินรวม
โดยที่บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท รวมเป็นเงิน 5,051 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทจะจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานให้แก่ผู้ถือหุ้นในครั้งนี้อีกหุ้นละ 5.19 บาท รวมเป็นเงิน 17,477 ล้านบาท โดยการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัท ตามที่ปรากฎรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 18 เมษายน 2566 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเริ่มขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 17 เมษายน 2566 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566
นอกจากนี้ คณะกรรมการได้มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 ที่เหลือจากการจ่ายเงินปันผลข้างต้นจำนวน 15,018 ล้านบาท เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Common Equity Tier 1 Capital: CET1) ซึ่งจะทำให้เงินกองทุนทั้งสิ้นของบริษัท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 (ตามที่ประมาณการไว้) มีจำนวนทั้งสิ้น 449,925 ล้านบาท คิดเป็น 19.51% ของประมาณการสินทรัพย์เสี่ยง และเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของมีจำนวนทั้งสิ้น 423,305 ล้านบาท คิดเป็น 18.35% ของประมาณการสินทรัพย์เสี่ยง