SCAP ปิดงบปี 65 โกยกำไร 1.1 พันล้าน เคาะปันผล 0.80 บ. – พร้อมแตกพาร์ 1 บาท
SCAP รายงานงบปี 65 กวาดกำไร 1.1 พันล้านบาท พอร์ตสินเชื่อรวมโตเกิน 100% เคาะจ่ายปันผล 0.80 บ. ขึ้น XD 2 พ.ค.66 และจ่ายปันผล 16 พ.ค.66 พร้อมแตกพาร์ใหม่ 1 บาท หนุนสภาพคล่อง
นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 2565 ของบริษัท และบริษัทย่อยประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,779.10 ล้านบาท เติบโต 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,624.46 ล้านบาท สนับสนุนให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,137 ล้านบาท
โดยภาพรวมการเติบโตของการดำเนินธุรกิจในปี 2565 เกิดจากการควบรวมกิจการนำมาซึ่งการดำเนินธุรกิจใหม่ของบริษัท คือธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีแนวโน้มเติบโตเป็นอย่างดี สะท้อนจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ตลอดทั้งปีเกินเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อรวมปี 65 อยู่ที่ 21,073.59 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 107.63% และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 303.33 ล้านบาท เติบโต 10.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 274.48 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,233.00 ล้านบาท เติบโต 95.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 631.63 ล้านบาท โดยไตรมาสสุดท้ายของปี 65 เติบโตจากการกระตุ้นแคมเปญส่งท้ายปี สนับสนุนให้รายได้และกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานตลอดทั้งปีอยู่ในทิศทางบวก
“สำหรับปี 66 จะเป็นอีกปีที่ท้าทายที่ผมเชื่อว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นไม่แพ้ปี 65 โดยเฉพาะธุรกิจลีสซิ่งมอเตอร์ไซค์ที่ปัจจุบันเราเป็นผู้นำตลาดและมีพันธมิตรดีลเลอร์ทั่วประเทศที่แข็งแกร่ง ช่วยสนับสนุนให้พอร์ตเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์โตต่อเนื่อง เช่นเดียวกับพีโลนที่บริษัทได้เจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้าของบริษัทถือเป็นปัจจัยหนุนของกลุ่มธุรกิจนี้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้ผลการดำเนินงานทั้งปี 66 ออกมาเติบโตโดดเด่น ทั้งนี้กำลังเร่งศึกษาและหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่ให้เติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้น SCAP และผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว” วิชิต กล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการมีมติเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) โดยแบ่งแยกมูลค่าที่ตราไว้ (split par) จากมูลค่าพาร์เดิม 5.00 บาท/หุ้น เป็นมูลค่าพาร์ใหม่ที่ 1.00 บาท/หุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นของบริษัทฯได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และยังมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี2565 แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท ซึ่งวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 3 พ.ค. 2566 ส่วนไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 พ.ค. 2566 กำหนดจ่ายเงินปันผล 16 พ.ค. 2566