SABUY อัดเงิน 2.4 พันล้าน ซื้อ SINGER เพิ่ม ดันถือ 15% ขยายลงทุน-เสริมซินเนอร์ยี่
บอร์ด SABUY อนุมัติเข้าซื้อหุ้น SINGER เพิ่มอีก 10.7% ดันสัดส่วนถือแตะ 15% รวมเป็นเงิน 2.4 พันล้านบาท หวังต่อยอดธุรกิจ เสริมศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2566 ของบริษัทฯ ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 อนุมัติการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เพิ่มเติมอีกจำนวนไม่เกิน 87,951,300 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นเฉลี่ยไม่เกิน 27 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 2,374,685,100 บาท หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 10.70% ของจำนวนหุ้นชำระแล้ว ผ่านกระดานซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยเมื่อรวมการซื้อหุ้นสามัญของ SINGER ในครั้งแรกตามมติการลงทุนเพื่อบริหารสภาพคล่องที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2566 จะทำให้บริษัทฯ มีการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ SINGER จำนวนไม่เกิน 123,351,300 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นเฉลี่ยไม่เกิน 27 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 3,330,485,100 บาท หรือคิดเป็นจำนวน 15% ของจำนวนหุ้นชำระแล้ว
ทั้งนี้จากการที่บริษัทฯ ได้มีโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ SINGER และพบว่า SINGER เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ซิงเกอร์” เช่น จักรเย็บผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในบ้านต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังจำหน่ายสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการเกษตร ตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือออนไลน์ ตู้เติมน้ำมันแบบหยอดเหรียญ และเครื่องทำน้ำหวานเกล็ดหิมะ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม และหลากหลายทั้งกลุ่มลูกค้าบ้าน และกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ ผ่านร้านค้าปลีกซึ่งเป็นสาขาของ SINGER เอง และผ่านทางตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ มากกว่า 80% ของยอดขายเป็นการขายแบบเช่าซื้อ โดย SINGER ให้เช่าซื้อผ่านทาง บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ SINGER ถือหุ้น 74.92%
โดยทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นว่าธุรกิจของ SINGER สามารถต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ และจะช่วยทำให้บริษัทฯสามารถผนึกกำลัง (Synergy) กับธุรกิจอื่น ๆ ของ SINGER เพื่อการขยายขอบเขตการลงทุนและกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างธุรกิจ รวมถึงโอกาสในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจและขยายฐานลูกค้าของธุรกิจของบริษัทฯ ได้ บริษัทฯ จึงมีความเห็นว่าบริษัทฯ ควรเปลี่ยนแนวทางจากการลงทุนระยะสั้นตามนโยบายการลงทุนและกรอบวงเงินลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2566 มาเป็นการลงทุนระยะยาว