AS สยายปีก “เทคคอมพานี” เต็มสูบ เสริมทัพธุรกิจเกม
AS เผยวิสัยทัศน์การเติบโตธุรกิจที่จะลบภาพจำการเป็นเพียงบริษัทเกม ก้าวสู่การเป็นบริษัท Digital Technology ที่ไร้ขีดจำกัด
นายปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานกรรมการ บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AS เปิดเผยว่า โดยมีการแสดงวิสัยทัศน์การเติบโตธุรกิจที่จะลบภาพจำการเป็นเพียงบริษัทเกม สู่การเป็นบริษัท Digital Technology ที่ไร้ขีดจำกัดประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจได้แก่ กลุ่มบล็อกเชนและนวัตกรรม กลุ่มสื่อและการตลาด กลุ่มเงินร่วมลงทุน และที่ยังคงเป็นหัวใจหลักนั่นคือกลุ่มเกมออนไลน์
ทั้งนี้ เริ่มจากส่วนที่เป็น Core Business คุณ Quach Dong Quang ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพลย์พาร์ค จำกัด กล่าวว่าตลาดเกมออนไลน์ทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้านรายได้ และผู้ใช้งานด้วยกระแสดิจิทัลยังคงความเป็นเมกะเทรนด์ รวมถึงสัดส่วนของประชากรคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น
ด้านกลยุทธปี 2566 นั้น เพลย์พาร์คจะยังคงเน้นไปที่การให้บริการเกมแนว Role-Playing Game (RPG) หรือเกมเล่นตามบทบาท เนื่องจากทั้งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ และเป็นแนวเกมที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด โดยขณะนี้ได้เซ็นสัญญาเกมใหม่เตรียมเปิดตัวในปี 2566ทั้งหมด 11 เกม รวมถึงการเริ่มมองหาพันธมิตรบริษัทผู้พัฒนาเกมใหม่ๆ โดยเฉพาะจากประเทศที่มีความเชี่ยวชาญอย่างจีนและประเทศทางทวีปตะวันตกเพื่อเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้เล่น และมากไปกว่านั้นเพลย์พาร์คมีความตั้งใจที่จะขยายฐานยูเซอร์ให้ครอบคลุมกลุ่มคนเล่นเกมออนไลน์ที่มีมากกว่า 600 ล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาเพลย์พาร์คได้เผชิญกับความท้าทายในด้านของสัดส่วนรายได้ที่ลดลงจากเกมบนโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซียเนื่องด้วยการแข่งขันด้านช่องทางการชำระเงินที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้กลยุทธในปี 2566 จึงต้องโฟกัสที่การดึงลูกค้ามาสู่ช่องทาง Playpark Payment Channel ของตัวเอง” Quach Dong Quang กล่าว
ด้าน คุณกิตติพงศ์ พฤกษอรุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คับเพลย์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจ Blockchain ว่ายังเติบโตนั้นจะเป็นแบบ Hybrid Web 3.0 Platform กล่าวคือรายได้หลักยังคงมาจากการเติมเกมในระบบดั้งเดิมหรือ Web 2.0 แต่จะมีการปรับให้เป็น GameFi ผ่านการผสานเข้ากับเทคโนโลยี Blockchain (Web 3.0) เพื่อให้สามารถเล่นได้แบบ Free-to-Play & Earn
พร้อมทั้งผู้เล่นสามารถได้ผลตอบแทนหรือ Earn จากการเล่นควบคู่ไปด้วยและสามารถแลกเปลี่ยนไอเทมในเกมกับผู้เล่นอื่นๆ ได้อย่างสะดวกและปลอดภัยด้วยการแปลงเป็น NFT ต่างจากเกม Web 3.0 ที่เปิดให้บริการด้วยโมเดล Play-to-Earn ที่เน้นการลงทุนก่อนเข้าเล่น เพื่อหวังผลตอบแทนเป็นหลัก แต่คุณภาพของเกมยังไม่สามารถตอบโจทย์ด้านความสนุกที่แท้จริงได้ อย่างไรก็ตาม คุณกิตติพงศ์เชื่อว่าเกม Web 3.0 ยังต้องอาศัยเวลาในการพัฒนาด้านคุณภาพให้เทียบเท่าเกมยุค Web 2.0 และค้นหาโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสมและยั่งยืนอย่างน้อยอีก 2-3 ปี
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการซื้อ-ขายเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีบนระบบนิเวศของ Astronize ขณะนี้อยู่ในช่วงการเตรียมเอกสารการยื่นขออนุญาตเสนอขาย Utility Token แก่สาธารณะ (ICO) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยคาดหวังว่าจะสามารถเสนอขาย ICO ได้ในไตรมาส 3-4 ปีนี้ พร้อมกับแผนการเปิดตัวเกมทันทีหลังจาก ICO จำนวน 2 เกมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ TS Multiverse ซึ่งเป็นเกมแนว SRPG และเกม Clash of Thrones ซึ่งเป็นเกม NFT Idle RPG
ส่วนสุดท้ายที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะใช้เงินลงทุนในกลุ่มธุรกิจนี้กว่าหนึ่งพันล้านบาท ได้แก่กลุ่ม MarTech หรือธุรกิจสื่อและการตลาด คุณปราโมทย์ สุดจิดพร ประธานกรรมการ บจม. เอเชียซอฟท์เปิดเผยว่าธุรกิจเกมนั้นมีความคล้ายกับธุรกิจภาพยนต์ที่จะต้องมีการสื่อสารการตลาดอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด ภาพยนต์ที่ผลิตออกมาจึงจะเป็นที่รู้จักและสร้างเม็ดเงินกลับมาได้ เอเชียซอฟท์จึงได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในบริษัท บัซซี่บีส์ (Buzzebees) ซึ่งเป็นผู้นำอันดับ 1 ในไทยในการให้บริการด้าน Customer Service Management Platform เพื่อวิเคราะห์แนวทางการทำการตลาดแบบ CRM ที่จะตอบโจทย์กลุ่มผู้เล่นเกมออนไลน์ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เขาอยู่กับเอเชียซอฟท์ให้ได้นานที่สุด และที่พ่วงมาด้วยคือฐานลูกค้าของ บัซซี่บีส์ กว่า 100 ล้านคนทั่วเอเชยตะวันออกเฉียงใต้ที่จะทำให้ ASIASOFT สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศได้มากขึ้นและเติบโตต่อไปในระยะยาว
นอกจากนั้น เพื่อให้ชื่อและภาพลักษณ์ของบริษัทสามารถสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ใหม่ในการขยายธุรกิจในอนาคต เอเชียซอฟท์ในปัจจุบันจึงเตรียมที่จะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการให้ความเห็นชอบเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Asphere Innovations Public Company Limited อันมีความหมายถึง Asiasoft (AS) ผนวกกับ Sphere อันหมายถึงทรงกลมหรือโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ดังนั้น Asphere จึงมีนัยสื่อถึง Asiasoft พร้อมแล้วที่จะก้าวออกจากภูมิภาคเอเชียและขยายขอบเขตธุรกิจที่จะสรรสร้างนวัตกรรมแห่งอนาคตสู่ตลาดระดับโลกภายใต้แนวคิด “Serving the Infinite Future” หรือ การบริการสำหรับอนาคตซึ่งไร้ขีดจำกัด