ธปท. ย้ำ “แบงก์พาณิชย์” การเงินแกร่ง-สภาพคล่องสูงลิ่ว 197%
"ไตรศุลี" ยันสถาบันทางการเงินไทยทั้งระบบกองทุนแกร่ง สภาพคล่อง Liquidity Coverage ratio สูงลิ่วร้อยละ 197.3 มั่นใจพร้อมรับความเสี่ยงรอบด้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กระทรวงการคลังสหรัฐ พร้อมด้วยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ออกแถลงการณ์ร่วมกันสั่งปิดกิจการซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่ปล่อยกู้ให้กับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระบบธนาคาร และหลังจากนั้นเพียงวันเดียว สำนักงานคุ้มครองทางการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ( ดีเอฟพีไอ ) มีคำสั่งยุติการดำเนินงานของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่เน้นให้บริการกับผู้ประกอบกิจการสตาร์ตอัฟ ในซิลิคอน วัลเลย์ เนื่องจากวิกฤติสภาพคล่อง และการไม่ประสบความสำเร็จในการขายหุ้นเพื่อเพิ่มทุน เป็นผลให้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดความผันผวนในตลาดเงิน ตลาดทุนทั่วโลกเป็นอย่างมาก
ล่าสุดวันนี้(13 มี.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ ระบุว่า ณ สิ้นปี 65 ธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งระบบ มีเครื่องชี้ฐานะทางการเงินในระดับสูง โดยมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ร้อยละ 19.4 สภาพคล่อง (Liquidity Coverage ratio : LCR) สูงถึงร้อยละ 197.3 มีหนี้ด้อยคุณภาพ(NPL) ในระดับต่ำที่ร้อยละ 2.73 ขณะที่เงินสำรองต่อหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL Coverage ratio) สูงถึงร้อยละ 171.9 การให้สินเชื่อ และรับเงินฝากในภาพรวมมีการกระจายตัว ไม่กระจุกตัวในลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ด้วยเหตุผลดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงฐานะของสถาบันการเงินไทยทั้งระบบที่มีความแข็งแกร่ง ด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีการกำกับด้วยมาตรฐานที่เข้มงวด และมาตรการการกำกับระบบสถาบันการเงินของไทยมีการปรับปรุงให้ดูแลความเสี่ยงอย่างรอบด้าน รัดกุม มาตั้งแต่หลังวิกฤตปี 2540 ทำให้ในรอบ 20 กว่าปีที่ผ่านมา แม้มีวิกฤตการเงินโลกหลายครั้ง รวมถึงวิกฤตโควิด19 แต่สถาบันการเงินของไทยทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐยังสามารถสนับสนุนเศรษฐกิจไทยได้ด้วยฐานะที่แข็งแกร่ง