โบรกแนะซื้อ BGRIM ชูเป้า 47 บ. คาดกำไรปีนี้โตแกร่ง รับขึ้นค่า Ft หนุน-ต้นทุนก๊าซลด

BGRIM แนวโน้มเติบโตดีขึ้นในปี 66 บล.ฟินันเซีย ไซรัส เชื่อว่ากำไรปกติจะฟื้นตัวกลับอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 1/66 จากการขึ้นค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิง (Ft) และต้นทุนก๊าซที่ลดลง แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายเป็น 47 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (20 มี.ค. 2566) โดยคาดว่ากำไรของ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM จะมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2566 ซึ่งได้รับปัจจัยบวก 1) อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) จากการขึ้นค่า Ft ซึ่งน่าจะเร็วกว่าต้นทุนก๊าซที่ปรับขึ้น 2) ต้นทุนก๊าซที่ประหยัดได้ 6-10% จาก SPP ใหม่ 7 แห่งที่มีกาหนดทยอยเปลี่ยนมาใช้ไอน้ำในช่วงครึ่งหลังของปี 2565-2566

นอกจากนี้ (3) ปริมาณไฟฟ้าและไอน้าที่ขายให้แก่ผู้ใช้อุตสาหกรรม (IU) ที่สูงขึ้นส่วนมากจากความต้องการที่สูงขึ้นและ SPP ใหม่ 7 แห่ง และ 4) ต้นทุนก๊าซที่ลดลงจากงวดเดียวของปีก่อนในปี 2566 ในขณะที่ก๊าซจากแหล่งเอราวัณช่วยทดแทน LNG จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เชื่อว่ากำไรปกติน่าจะดีดกลับอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 1/2566 เนื่องจากการขึ้นค่า Ft ในระหว่างไตรมาสน่าจะช่วยชดเชยราคาก๊าซของ SPP ของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นเป็น 520 บาท/mmbtu อย่างไรก็ดีคาดว่าราคาก๊าซของ SPP จะลดลงเป็นจานวนมากเหลือ 380 บาท/mmbtu ในไตรมาส 4/2566 จากการผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากแหล่งเอราวัณ

โดยจากข้อมูลของ PTT Exploration andProduction (PTTEP TB, NR) การผลิตก๊าซในแหล่งเอราวัณน่าจะทยอยเพิ่มจาก220mmscfd ในปัจจุบันเป็น 400mmscfd ภายในกลางปี 2566 และเป็น 600mmscfd ภายในสิ้นปี 2566 ก่อนถึงปริมาณที่ระบุในสัญญาที่ 800mmscfd ภายในกลางปี 2567

อนึ่งเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 BGRIM ซื้อหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาด 20 เมกะวัตต์ ในญี่ปุ่นโดยมีต้นทุนในการลงทุนรวม 358.2 ล้านบาท จากข้อมูลของผู้บริหาร BGRIM คาดว่าจะได้กำลังการผลิตไฟฟ้าจากลมไม่เกิน 1,000 เมกะวัตต์ ในเกาหลีใต้ในช่วงปี 2566-2568 นอกจากนี้โรงไฟฟ้าพลังลมและแสงอาทิตย์ของ BGRIM ยังมีแนวโน้มที่จะรายงานกำลังการผลิตโตเพิ่มจากการประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาด 5.2GW ที่กาลังจะมีขึ้นในไทยพร้อมกับโรงไฟฟ้าพลังลมและโครงการผลิตไฟฟ้าจาก LNG ภายใต้แผนพัฒนากาลังการผลิตไฟฟ้าฉบับที่ 8 ฉบับใหม่ของเวียดนาม ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับเป้ากาลังการผลิตรวมระยะยาวที่ 10GW ในปี 2573 ซึ่งมากกว่า 50% จะมาจากพลังงานหมุนเวียน

ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรต่อหุ้นในปี 2566 ขึ้น 8.6% สอดคล้องกับสมมติฐานค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่สูงขึ้น 0.8-2.3% ในปี 2566-2567 พร้อมราคาก๊าซที่ลดลง 6.8-11% ในขณะที่สมมติฐานอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยลดลงจากความต้องการที่คาดว่าจะลดลง ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 47 บาท สะท้อนประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 2566 ที่สูงขึ้น

Back to top button