POLY กางแผนปี 66 เจรจาลูกค้าใหม่ดัน “ออเดอร์” พุ่ง หนุนรายได้โตเข้าเป้า 15%
POLY ตั้งเป้าปี 66 ลุยขยายตลาด-เพิ่มกำลังการผลิตรองรับดีมานด์ลูกค้ากลุ่มยานยนต์-อุปกรณ์ทางการแพทย์-กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค พร้อมวางเป้าหมายรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 15% แย้มอยู่ระหว่างพูดคุยลูกค้ารายใหม่เพียบ
นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โพลีเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ POLY เปิดเผยกลยุทธ์ปี 2566 ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากการเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง และการขยาย 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย กลุ่มยานยนต์ ซึ่งได้อานิสงส์จากยอดขายยานยนต์ที่ฟื้นตัว และมีการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ มีการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ และโมเดลรถยนต์ใหม่ๆ ที่เข้ามา จึงคาดว่ายอดขายกลุ่มยานยนต์ของ POLY จะเติบโต 15% ในปีนี้
สำหรับกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ คาดรายได้จะเติบโตมากกว่า 15% เช่นกัน และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ที่เป็นกลุ่มธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรง โดย POLY อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่ระดับ Global Brand จึงคาดรายได้จากกลุ่มนี้จะเติบโตมากกว่า 20% และถือเป็นการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจที่เติบโตไปกับเมกะเทรนด์ในอนาคตเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยนำนวัตกรรมมาขับเคลื่อน
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา เริ่มนำมาใช้สนับสนุนการเติบโตตามแผนที่วางไว้ ใช้ชำระคืนหนี้ ใช้ขยายโรงงาน และลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากมองว่า เรามีความหลากหลายของเครื่องจักรในการผลิต ทั้งวัตถุดิบจากยาง พลาสติก และซิลิโคน รวมทั้ง การออกแบบแม่พิมพ์ที่เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการในระดับสูง และสามารถผลิตได้ในขนาดต่างๆ
โดยปัจจุบัน POLY มีโรงงาน 2 แห่ง อยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตรวมเพิ่มไปแตะระดับ 90% เรียบร้อยแล้ว การลงทุนเพิ่มเครื่องจักร ก็เพื่อรองรับการขยายไปยังโอกาสใหม่ๆ ที่จะสามารถสร้าง New S-Curve ทางธุรกิจได้ ขณะที่ ผลประกอบการในช่วงปี 2562 – 2565 มีความแข็งแกร่งทั้งในแง่รายได้และกำไรสุทธิ โดยรายได้ CAGR เติบโตระดับ 23% และ กำไรสุทธิ เติบโต 131%
ทั้งนี้ในปี 2565 มีรายได้จากการขายรวม 1,082.3 ล้านบาท เติบโต 37.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มยานยนต์ 52% เป็นสัดส่วนหลัก เติบโตต่อเนื่องยอดขายรถยนต์ที่ฟื้นตัว อีกทั้ง ความสำเร็จในการขยายตลาดไปยังลูกค้ากลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ มีสัดส่วน 12% โดยสินค้าใหม่กลุ่มเพิ่มโอกาสการมีบุตร ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมีการเติบโตสูงที่สุด มีสัดส่วน 36% เนื่องจากลูกค้าหลักกลุ่มนี้เป็น Global Brand ได้รับการยอมรับทั่วโลก ผลิตภัณฑ์เป็นกระแสรักษ์โลก ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ขณะที่ กำไรสุทธิอยู่ที่ 161.7 ล้านบาท เติบโต 33.7 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรสุทธิ 14.9% แม้ภายใต้ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นจากสงครามระหว่างรัฐเซียและยูเครน ซึ่งเป็นหนึ่งในผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยยังคงความสามารถในการรักษาค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ และค่าใช้จ่ายในการ IPO ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานประจำปี 2565 และกำไรสะสม เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มเติมในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (NON-BOI) 0.06 บาทต่อหุ้น และจ่ายจากกำไรสุทธิ ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI 0.02 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 36,000,000 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 28 เมษายน 2566 และวันที่จ่ายปันผล 19 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ในวันที่ 20 เมษายน 2566